บทละครโทรทัศน์ ไฟล้างไฟ ตอนที่ 4 หน้า 14

“รู้ใช่ไหมว่าพ่อจะโกรธที่หยียอมรับ"
“รู้ค่ะ แต่คุณพ่อสอนหยี...ความจริงทำให้คนฟังโกรธ แต่การโกหกจะทำให้คนฟังเกลียด หยียอมรับผลค่ะ เพราะหยีอยากเป็นคนดีของคุณพ่อ" ศิรินธารเข้ากอดศิริด้วยอาการอ้อนๆ ศิริใจอ่อนกับลูกสาวตามเคย
"เจอไม้ตายแล้วล่ะครับพ่อ" นรุตม์เอ่ยกระเซ้า
"เฮ้อ...” ศิริเตือนลูกสาว “มีอีกอย่างที่คนดีจะต้องทำ"
หญิงสาวมองศิริอย่างเข้าใจแล้วหันไปหานรุตม์ ศิรินธารยกมือไหว้ "หยีขอโทษที่หยีเสียงดังใส่พี่รุตม์นะคะ"
“เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ ไม่อาละวาดในโรงแรมต่อหน้าคนเยอะๆ ได้ไหม"
"แต่ถ้ามันโมโห มันก็ยากนะพี่รุตม์"
"พยายาม...เพื่อคุณพ่อได้ไหม"
ศิรินธารหันมองศิริ ศิริมองอย่างรอคอยว่าจะเอายังไง ศิรินธารเข้ากอดศิริอีก "หยีจะพยายามนะคะคุณพ่อ"
ศิริกอดศิรินธารด้วยความรักและเอ็นดู นรุตม์ยิ้มกับศิริอย่างเข้าใจว่าถ้าเจอศิรินธารอ้อนก็ใจอ่อนกันหมดนั่นล่ะ มือถือนรุตม์สั่น นรุตม์อ่านข้อความแล้วเอ่ยกับบิดา "ได้เวลาแล้วครับพ่อ"
"ไปสิ...วันนี้ไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณแม่ทีนะ พ่อคงกลับค่ำหน่อย"
"คุณพ่อกับพี่รุตม์...จะไปไหนเหรอคะ?”
ภายในสมาคมโรงแรมไทย กลุ่มสมาชิกสมาคมเข้ามาในห้องประชุมต่างนั่งลงในห้องประชุม ต่างก็มีไมค์ตรงหน้าเป็นของตัวเอง นรุตม์กับศิริเข้ามาในห้องประชุม
"วันนี้สมาชิกมาเยอะนะ" ศิริเอ่ยกับลูกชาย
"ทางสมาคมขอความร่วมมือให้สมาชิกทุกคนเข้าร่วมครับ คงจะมีโปรเจ็กต์พิเศษ"
ศิริมองไปรอบๆ แล้วชะงักนิ่งไป นรุตม์เห็นอาการศิริก็มองตามไป "นั่นมันคุณดล พิริยะกุล เจ้าของโรงแรม Eden(เอเดน)นี่ครับ"
ดลมองมาทางศิริ แล้วเดินตรงเข้ามาหาศิริทันที "ศิริ ไม่ได้พบกันนานเลยนะ" ดลเอ่ยทักทาย
"นานมาก ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน...เราสามคน"
"สาม?...” ดลยิ้มเยาะ “ฉันไม่คิดว่านายจะยังจำได้หลังจากที่นายทำลายมิตรภาพเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง"
"ถ้าแกเป็นฉัน แกก็ต้องตัดสินใจเหมือนกัน"
"ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะเลือกมิตรภาพไม่ใช่เงิน" ดลสวนกลับทันควัน
นรุตม์มองท่าทีของศิริกับดล รู้สึกว่าทั้งคู่เหมือนจะมีความขัดแย้งต่อกัน สักพักคนในห้องฮือฮามองไปทางด้านหน้าประตู ศิริกับดลหันไปมองตามเห็นพิมพรรณ ซึ่งเป็นประธานสมาคมเดินเข้ามา ทุกคนต่างเข้านั่งประจำที่ ศิริกับดลต่างแยกย้ายจากกัน ศิริกับดลนั่งตรงกันข้ามกัน นรุตม์นั่งข้างศิริ
"ดิฉันในฐานะประธานสมาคมมีข่าวสำคัญจะแจ้งให้ทราบ" พิมพรรณเริ่มการประชุม
ดลมองนาฬิกาพลางมองไปทางประตูอย่างรอคอย "ทำไมยังไม่มา...." จากนั้นกดโทรศัพท์มือถือโทรออก