บทละครโทรทัศน์ บาปบรรพกาล ตอนที่ 17
รสสุคนธ์หิ้วถุงกระดาษใส่ของใช้มายืนอยู่หน้าบ้านสวนร้างแล้วตะโกนถาม “มีคนอยู่มั้ยคะ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ รสสุคนธ์จึงถือวิสาสะเข้าไปในบ้าน ในบ้านสวนร้างมีข้าวของเครื่องใช้มีไม่กี่ชิ้นแถมยังเก่า แสดงถึงความสมถะของผู้อาศัย
ตาดำโผล่เข้ามาทางด้านหลังรสสุคนธ์สะดุ้งตกใจ ตาดำถาม “มาทำไม”
รสสุคนธ์ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ รสเอาของมาให้ มาขอบคุณคุณตาค่ะ”
“ข้าช่วยคนไม่ได้หวังผลตอบแทน เอากลับไปซะ” ตาดำตอบหน้านิ่ง
“ของพวกนี้ก็ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร มีแค่เสื้อผ้าชุดใหม่กับอาหารแห้งเล็กน้อย คุณตารับไปเถอะนะคะ นะ
คะคุณตา” รสสุคนธ์อ้อน
ตาดำเลยใจอ่อนรับถุงกระดาษจากรสสุคนธ์
มุมหนึ่งในบ้านสวนร้าง รสสุคนธ์ขยับลงนั่งอย่างไม่รังเกียจ
ตาดำตักน้ำในตุ่มมาให้รสสุคนธ์ “บ้านข้าก็มีแค่นี้ล่ะ ดื่มซะแล้วก็รีบกลับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณตาใจดีจังเลยนะคะ ช่วยชีวิตรสไว้ตั้งสองครั้งแล้ว” รสสุคนธ์คิดถึงเรื่องในอดีตที่ตาดำมาช่วยตอนที่รสสุคนธ์กำลังจะกระโดดหน้าต่างเรือนไม้หอม และเหตุการณ์ที่ชายฉกรรจ์จะทำร้ายรสสุคนธ์กับรามนรินทร์แต่ตาดำก็มาช่วยไว้ รสสุคนธ์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับตาดำ
ตาดำเห็นก็รีบหันหน้าหลบไม่กล้าสบสายตา “ข้าก็แค่ช่วยเท่าที่ช่วยได้...เอ็งอย่าเก็บมาเป็นบุญคุณอะไรเลย”
“หนูรสสุคนธ์นะคะ แล้วคุณตาชื่ออะไรเหรอคะ รสจะได้เรียกถูก”
“ใครๆ ก็เรียกข้าว่าตาดำ”
“คุณตาดำ...คุณตาอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอคะ” ตาดำพยักหน้า รสสุคนธ์มองไปรอบๆ บ้านแล้วถามเพิ่ม “แล้วลูกเมียคุณตาล่ะค่ะ”
“ข้าไม่มีลูกเมียหรอก ดูสภาพข้าสิ...ใครเขาอยากจะมาลำบากอยู่กับคนจนๆ อย่างข้า” ตาดำพูดอย่างเศร้าสร้อย
รสสุคนธ์เห็นก็สงสารรู้ว่าตาดำคงผ่านชีวิตมาเยอะ “จริงสิคะ รสเอาขนมมาฝากคุณตาด้วย” รสสุคนธ์หยิบกล่องขนมออกมาเปิดให้ตาดำดู ข้างในคือขนมเสน่ห์จันทร์ที่ติดทองคำเปลวดูสวยงามนั่นเอง
“เสน่ห์จันทร์” ตาดำเอ่ยออกมา
“ลองชิมสิคะ ไม่รู้จะถูกปากคุณตาหรือเปล่า”
ตาดำมองด้วยสายตาที่โหยหา หยิบขนมเสน่ห์จันทร์ขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แล้วเอาเข้าปาก ทันทีที่สัมผัส
ความหอมหวานของขนมเสน่ห์จันทร์ก็ทำให้ตาดำถึงกับนิ่งอึ้งกับความรู้สึกที่อัดอั้นจนน้ำตาไหล ภาพแห่งความสุขระหว่าง ม.ร.ว.ภาณุทัตและแม้นมาศในอดีตถาโถมเข้ามา แม้นมาศป้อนขนมเสน่ห์จันทร์ให้ ม.ร.ว.ภาณุทัต ม.ร.ว.ภาณุทัตหอมแก้ม ตาดำสะอื้นไห้อย่างหนัก
รสสุคนธ์เห็นก็ตกใจรีบเข้าไปปลอบจนตัวก็น้ำตาซึมจะร้องไห้ตาม “คุณตา...คุณตาร้องไห้ทำไมคะ หรือว่าขนมไม่ถูกปาก”