[US Boxoffice] "Joker: Folie à Deux" ผงาดขึ้นแชมป์ ด้วยกระแสคนดูสาปส่ง
Box Office Joker: Folie à Deux
บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รายงานอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์วันที่ 4-6 ตุลาคม 2024 - เริ่มต้นเดือนตุลาคมปีนี้ด้วยการกลับมาสานต่อในภาคต่อของหนังอาชญากรรมตัวละครจากจักรวาลแบทแมนผู้เลื่องชื่อ นี่คือหนังดีซีที่ขายความเป็นเอกเขนกในเนื้อหาของตัวเอง แต่กลายเป็นว่านี่เป็นสุดสัปดาห์ที่สร้างความโกลาหลให้กับโรงภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง กับกระแสตีกลับและฟีดแบกในลักษณะสาปส่งของผู้ชม ที่ทำให้หนังที่เคยถูกหมายตาว่าจะเป็นหนังฮิตอีกเรื่องในปีนี้ อาจจะต้องผิดท่าไปสักหน่อย
แชมป์ใหม่สัปดาห์นี้ก็คือ "Joker: Folie à Deux" นับว่าเป็นตามที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ก็ผิดคาดตรงที่รายได้ เพราะหนังเปิดตัว 3 วันแรกแค่เพียง 40 ล้านเหรียญ จาก 4,102 โรงฉาย หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ราว ๆ 9,700 เหรียญ ตัวเลขเท่านี้อาจจะไม่ได้ดูแย่อะไร หากเป็นหนังฟอร์มกลาง ๆ ทั่วไป แต่เมื่อเป็นหนังในเครือซูเปอร์ฮีโรและทุนสร้างระดับ 200 ล้านเหรียญเรื่องนี้ การออกสตาร์ทเพียงเท่านี้นับเป็นสัญญาณที่อันตราย
Joker: Folie à Deux ถือว่าทำรายได้เปิดตัวได้ลดน้อยลงจากหนังต้นฉบับไปเกือบครึ่งหนึ่ง โดยเมื่อปี 2019 หนังภาคแรกเคยเปิดตัวไว้ที่ 96.2 ล้านเหรียญ นับเป็นรายได้ที่เป็นสถิติที่เคยถูกบันทึกเอาไว้ในเดือนตุลาคม สาเหตุที่หนังเปิดตัวได้ไม่ปังเท่าที่ควร ก็เพราะกระแสตอบรับของหนังที่ค่อนข้างทำให้คนดูพากันเท เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่คนดูพากันเดินออกจากโรงหนัง เพียงแค่หนังฉายไปยังไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ โดยหลายเสียงต่างคิดเห็นคล้าย ๆ กันว่าความเป็นมิวสิคัลยังไม่เข้ากับตัวหนังเรื่องนี้
ภาคต่อของ Joker เรื่องนี้ได้คะแนนเฉลี่ยจากนักวิจารณ์แค่เพียง 33% เท่านั้น ซ้ำร้ายยังได้รับเกรดที่เลวร้ายจากผู้ชม แค่เกรด D จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ชมหน้าโรงหนังของ CinemaScore เกรดนี้กลายเป็นเกรดที่แย่ที่สุดในบรรดาหนังฮีโรที่ผ่านมาทั้งหมด เลวร้ายยิ่งกว่า Madame Web ที่เคยได้เกรด C+ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นหนังฮีโรที่ได้คำวิจารณ์และรายได้ที่ค่อนข้างล้มเหลว
ก่อนหน้านี้ Joker: Folie à Deux เคยถูกมองว่าจะเป็นหนังที่ทำรายได้เปิดตัวในระดับร้อยล้านเหรียญได้ไม่ยาก กระทั่งหนังพรีเมียร์ฉายที่เทศกาลหนังเมืองเวนิสและมีกระแสจากนักวิจารณ์ชุดแรกออกมา ทำให้นักวิเคราะห์ปรับตัวเลขลงไปที่ราว ๆ 70-80 ล้านเหรียญ ต่อมากระแสของหนังก็ยังไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อยิ่งใกล้วันฉาย ทำให้ถูกปรับลดตัวเลขลงมาอีกที่ 40-50 ล้านเหรียญ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสัญญาณที่ไม่สู้ดี และเชื่อว่าอนาคตของหนังอาจจะไม่สามารถยืนโรงฉายในระยะยาวได้
"The Wild Robot" ขยับลงไปเป็นรองแชมป์ในที่สุด กับรายได้เพิ่มอีก 18.7 ล้านเหรียญ ลดลงไปที่ -48% ถือว่ายังค่อนข้างน่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 10 วันแรกที่ออกฉายไปที่ 64 ล้านเหรียญ ตามมาก็คือหนังฮิต "Beetlejuice Beetlejuice" ที่ยังฮิตจริง ๆ ในอเมริกา เพราะเก็บเงินไปอีก 10.3 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -36% เท่านั้น และหลังจากออกฉายมา 5 สัปดาห์เต็ม หนังก็ทำยอดรวมในอเมริกาไปแล้วที่ 265 ล้านเหรียญ ซึ่งสัดส่วนของรายได้ในอเมริกายังค่อนข้างมากกว่าจากตลาดต่างประเทศ
อีกหนึ่งแอนิเมชัน "Transformers One" ทำเงินไปเพิ่ม 5.3 ล้านเหรียญ ลดลงไป -42% กับยอดรวมที่โกยไปได้แแล้วที่ 47 ล้านเหรียญ เป็นการทำเงินแบบเรื่อย ๆ ช้า ๆ โดยขณะนี้หนังทำเงินทั่วโลกไปได้ทะลุร้อยล้านเหรียญไปแล้ว ขณะที่ "Megalopolis" หนังฟอร์มใหญ่ของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ก็คว่ำสนิทแบบไม่ต้องย้ำ เพราะทำเงินไปอีกแค่ 1 ล้านเหรียญ ดร็อปฮวบไปถึง -74% กับรายได้ 10 วันแรกได้ไปเพียง 6.4 ล้านเหรียญ ห่างจากทุนสร้าง 120 ล้านอีกมากโข
หนังเปิดตัวใหม่อีกเรื่องในสัปดาห์นี้ก็คือ "White Bird: A Wonder Story" หนังดรามาจากจักรวาลหนัง Wonder ที่กลับมาสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอีกครั้ง แต่ทำเงินเปิดตัวไปได้เพียง 1.5 ล้านเหรียญ จาก 1,018 โรงฉาย เท่ากับว่าหนังทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงไปแค่ราว ๆ 1,500 เหรียญ นี่คือหนังที่เลื่อนฉายมา 2-3 ปี จากเดิมทีจะเข้าฉายตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และก็ยังคงเป็นหนังจากค่ายไลออนส์เกตเรื่องล่าสุด ที่ยังไม่ทำเงินอยู่ต่อไป
ส่วนหนังที่เข้าฉายแบบวงจำกัดที่น่าสนใจก็มี "Saturday Night" หนังต้นกำเนิดไลฟ์โชว์ตำนานของอเมริกา ที่วีคนี้เพิ่มโรงฉายขึ้นมาอีกเล็กน้อยเป็น 21 แห่งทั่วอเมริกา ทำเงินไปอีก 280,000 เหรียญ กับยอดรวม 10 วันแรกที่ 638,000 เหรียญ เช่นเดียวกับ "A Different Man" หนังดรามาที่มาเพื่อหวังรางวัลปีนี้ ทำเงินไปอีก 186,000 เหรียญ เพิ่มขึ้น +190% หลังจากที่หนังเพิ่มโรงฉายไปเป็ฯ 265 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับสัปดาห์ถัดไปที่จะถึงนั้น ก็ถึงคิวกลับมาหลอกหลอนอีกครั้งของปีศาจตัวตลก "Terrifier 3" มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์คริสต์มาสหลอน ร่วมด้วยหนังดรามาธุรกิจชีวิตของโดนัลด์ ทรัมป์ "The Apprentice" หนังสารคดีตำนานเลโก้ "Piece by Piece" และหนังอนิเมะ "My Hero Academia the Movie: You’re Next" โดยที่ยังมี "We Live in Time" หนังดรามาโรแมนซ์ฟอร์มดี กับ "Bad Genius" ฉลาดเกมส์โกงฉบับฮอลลีวูดรีเมค จะเข้าฉายแบบวงจำกัด
Source: TheNumbers
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- [US Boxoffice] “The Wild Robot” คว้าแชมป์ใหม่ “Megalopolis” เปิดตัวได้จอดสนิท
- [US Boxoffice] รวมพลังประจัญบาน "Transformers One" รีวิวปัง แต่สู้ผีขี้จุ๊ยยังไม่ไหว
- [US Boxoffice] "Beetlejuice Beetlejuice" ยืนหนึ่งต่อ ตำนานผู้ขี้จุ๊ยยังครองใจคนอเมริกัน
- TrueID BoxOffice 5 หนัง 5 ซีรีส์ออนไลน์ฮิตจากแอป TrueID
- Movie.TrueID ชวนดู 5 หนังดีช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa