บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 3
สวนหอหลวง หนังสือเล่มนั้น ถูกวางลงมุมหนึ่งบนตั่ง มิ่งหล้าเอ่ยกับศุขวงศ์
“น้องไม่เคยรู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือ ครั้งไหนเท่ากับครั้งนี้เลยเจ้าพี่ ทั้งสนุก ทั้งได้ความรู้มากมาย เจ้าพี่รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งจนน้องอดทึ่งไม่ได้ น้องว่าพี่ต้องเป็นคนรอบรู้ที่สุด เก่งที่สุดในเชียงพระคำเป็นแน่”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มิ่งหล้าในเชียงพระคำ หรือแม้แต่ ในเชียงเงินของน้อง ก็เต็มไปด้วยปราชญ์ผู้ รู้ ความรู้ของพี่เทียบไม่ได้กับท่านพวกนั้นหรอก เพียงแต่พี่มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นเพราะพี่ ได้เดินทางไปเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง”
“อย่างน้อง...จะมีโอกาสได้เดินทางไปเห็นสิ่งแปลกๆอย่างเจ้าพี่บ้างรึเปล่าน๊อ”
“ขอเพียงมีความตั้งใจใฝ่ที่จะเรียน เพื่อรู้ โอกาสนั้นต้องเป็นของน้องแน่”
“น้องคงจะมีความสุข ถ้าได้ติดตามไปทุกที่ ที่เจ้าพี่ไป” ศุขวงศ์ยิ้ม
ดงชมพูป่า เห็นแม้นเมือง นั่งหลับตาพิงโคนต้นชมพูป่ามีหนังสือที่อ่านค้างไว้พับคาอก ศุขวงศ์ที่หยุดยืนมองภาพนั้นด้วยความประทับใจ พื้นใต้ดงชมพูป่าเหมือนปูด้วยพรมสีชมพูผืนใหญ่ กลีบดอกชมพูป่าทะยอยร่วงลงอย่างแผ่วเบาไม่ขาดสาย แม้นเมืองจู่ๆก็ลืมตาขึ้น มองหาบางสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วค่อยๆขยับตัว วางหนังสือลงข้างตัวแล้วค่อยๆ คุกเข่าเหมือนจะจับสิ่งหนึ่งขึ้นมาอย่างทะนุถนอม เหมือนกลัวมันจะตกใจ ศุขวงศ์มองแปลกใจแล้วขยับเดินเข้าไปหา แม้นเมืองประคองสิ่งนั้นไว้ในอุ้งมือ และแหงนมองหาขึ้นไปข้างบน
“ทำอะไรอยู่แม้นเมือง”
แม้นเมืองหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม แต่ในเสี้ยววินาทีที่เห็นว่าเป็นใคร ก็อดตกใจไม่ได้ “เจ้า พ...เอ้อ เจ้าศุขวงศ์”
“พี่ถามว่าเจ้าทำอะไรอยู่”
“ลูกนกเจ้า. มันคงหัดบิน แล้วตกลงมา ข้าเจ้าจะเอามันไปคืนรัง”
“แล้วรังของมันอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ข้าเจ้ากำลังมองหาอยู่เจ้า”
“เสียงพ่อแม่นกอยู่ตรงนั้น...พี่ว่าน่าจะเป็นแถวนั้นนะ”
“จริงๆด้วย”
“กิ่งมันสูง มาเถอะ..พี่ช่วย” ศุขวงศ์ยื่นมือออกไป กุมมือแม้นเมืองเมื่อถ่ายเทตัวลูกนก มาสู่ฝ่ามือของเขา
แม้นเมืองสนใจไปที่ลูกนกในอุ้งมือมากกว่าสิ่งใด ศุขวงศ์ได้สัมผัส และรู้สึกถึงความละเอียดอ่อนโยนของแม้นเมือง แม้นเมืองเหมือนเด็กที่กำลังลุ้นกับสิ่งหนึ่ง สายตาตวัดขึ้นมองและพบสายตาศุขวงศ์ ชะงักเล็กน้อย
“เสียงพ่อแม่นกร้องหาลูกมันใหญ่แล้วเจ้า” แม้นเมืองผละออกไปแหงนมองมุมหนึ่ง ศุขวงศ์ยังมองแม้นเมืองด้วยรอยยิ้ม