บทละครโทรทัศน์ กลกิโมโน ตอนที่ 9 หน้า 4
โฮชิโนโอจิยื่นหน้ากระซิบข้างหูรินดารา “สุขสันต์วันเกิดนะฮิคาริ”
“ขอบคุณค่ะท่านชาย” รินดารายิ้มหวานให้ท่านชาย พลุบนท้องฟ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันต่อมา ที่ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ไดซุเกะยืนพนมมือไหว้ศาลด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแต่หัวคิ้วย่นแฝงความกังวลใจ
อัตซุโอะก้าวเร็วๆเข้ามา “คุณฮิเดะกลับมาแล้วครับ” ไดซุเกะหันขวับไปมองอัตซุโอะทันที
ห้องนอนฮิเดะโนริ ฮิเดโนริตะโกนพร้อมปัดถาดอาหารบนโต๊ะที่สาวใช้เพิ่งนำมาวางให้ “ไม่กิน ! เอาออกไป !” แรงปัดจากลูกครึ่งปีศาจจิ้งจอกทำให้ถาดอาหารกระเด็นไกลไปเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้ สาวใช้มองตามถาดอาหารไปด้วยอย่างอึ้งตะลึงงัน “ไปบอกทุกคน ห้ามใครเข้ามาในห้องของชั้นเด็ดขาด”
พูดยังไม่จบ สาวใช้ก็หันไปเห็นแววตาของฮิเดโนริเปลี่ยนเป็นสีส้ม ลูกตาดำเป็นเส้นบางๆ เหมือนดวงตาของสัตว์ เดรัจฉานอันน่ากลัว สาวใช้ตกใจสุดขีด “ตะ..ตา...ตาคุณ !”
ฮิเดโนริหันไปมองตัวเองในกระจกแขวน เห็นดวงตาไม่เหมือนมนุษย์ก็ทนไม่ได้ คว้าของใกล้มือปาใส่กระจกแตกกระจาย สาวใช้ยิ่งกลัว หันหลังจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ฮิเดโนริคว้าแขนของเธอไว้ แล้วกระชากร่างเข้ามาชิด บีบต้นแขน ทั้งสองของหญิงสาวไว้แน่น “ชั้นมันน่าเกลียดน่ากลัวมากนักหรือไง”
สาวใช้เห็นหน้าฮิเดโนริใกล้ๆ ก็ยิ่งกลัว...ร้องไห้..ไม่กล้ามองหน้าเขา ฮิเดโนริก็ยิ่งบันดาลโทสะ “มองหน้าชั้น ชั้นยังเป็นคุณฮิเดะทายาทคนเดียวของตระกูลเรียวอิจิที่เธออยากได้เป็นผัว ทำไมไม่ให้ท่าชั้นเหมือนที่เธอชอบทำล่ะ วันนี้ชั้นจะสนองเธอให้ถึงใจ”
ไดซุเกะเข้ามา “ฮิเดะ หยุดเดี๋ยวนี้ !”
ฮิเดโนริหันไปเห็นไดซุเกะยืนอยู่ที่ประตู อัตซุโอะยืนอยู่ด้วย ฮิเดโนริปล่อยมือจากต้นแขนของสาวใช้ สาวใช้แทบล้มทั้งยืน แล้วรีบลนลานวิ่งออกไป แต่ยังไม่วายเหลียวกลับมามองฮิเดโนริด้วยความหวาดกลัวแล้วไป
ไดซุเกะหันไปสบตาอัตซุโอะ อัตซุโอะพยักหน้าเข้าใจแล้วตามสาวใช้ออกไป
“ถ้าแกยังขาดสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สายเลือดปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในตัวแกจะกลืนกินความเป็นมนุษย์ของแก แล้วต่อไปแกก็จะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกเลย”
“สักวันมันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
“นั่นมันอยู่ที่แกเลือก ถ้าแกยังอยากเป็นมนุษย์ แต่สามารถใช้ความพิเศษของพวกจิ้งจอกให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง แกก็ต้องรู้จักที่สะกดปีศาจจิ้งจอกในตัวแกไว้ อย่าให้มันมีอำนาจเหนือแก”
“ผมทำได้ด้วยหรือครับคุณปู่”
“ถ้าหัวใจของแกแกร่งพอ ไม่มีอะไรที่แกจะทำไม่ได้”
ฮิเดโนรินิ่งไปสักพักอย่างใช้ความคิด แล้วค่อยตัดสินใจพูดออกมาว่า “ผมต้องทำยังไงครับ”