บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 13
ที่อาศรมเมืองอินทร์เป็นเรือนไม้สักหลังใหญ่โอ่โถง เมืองอินทร์นั่งอยู่หน้าหิ้งพิธีขนาดใหญ่น่าเลื่อมใส ลำเจียก ชบา ซ่อนกลิ่นนั่งอยู่ตรงหน้าเมืองอินทร์
“ไม่นึกว่าพ่อหมอจะรู้จักนังงูผีด้วย” ลำเจียกตาโต
“ข้าตามหาเจ้าแม่นาคีมานานแล้ว เชื่อกันว่าหนังของเจ้าแม่นาคีนั้นวิเศษนัก หากใครได้ครอบครองจะอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า”
ลำเจียก ชบา ซ่อนกลิ่นหันมองเมืองอินทร์อย่างมีความหวัง
“แต่ตอนนี้ฤทธิ์มันมากขึ้นทุกวันถึงขั้นเข้าสิงมนุษย์ กลายร่างเป็นได้ทั้งคนทั้งงูจะปราบมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ชบาเอ่ยหยั่งเชิง
“ฤทธิ์เยอะแบบนี้สิดี ข้าชอบ” เมืองอินทร์ยิ้มร้าย
“ตกลงพ่อหมอจะทำเสน่ห์ให้ฉันแล้วใช่มั้ย” ลำเจียกเปลี่ยนเข้าเรื่องตัวเอง
“ไม่ทำโว้ย!”
ลำเจียกตกใจ”อ้าว! ทำไมล่ะ ไหนพ่อหมอลองบอกเหตุผลหน่อยซิ”
“ข้าบอกแล้วไง ว่าเรื่องต่ำๆ พรรค์นั้น ข้าไม่ยุ่งด้วย ...ข้าสนใจจะปราบเจ้าแม่นาคี ถลกหนังมันมาปลุกเสกต่างหาก” เมืองอินทร์ยิ้มอย่างกระหายวิชา
ลำเจียกเดินกระฟัดกระเฟียดออกมา หงุดหงิดที่เมืองอินทร์ไม่ยอมทำเสน่ห์ให้
ซ่อนกลิ่นบ่นพึมพำ “ว้า...... กะว่าจะให้พ่อหมอทำเสน่ห์ให้คุณประกิตหลงใหลในกลิ่นตัวของฉันซะหน่อย สงสัยมาคราวนี้พวกเราคงจะเสียเที่ยวซะแล้ว”
“ไม่! ฉันจะไม่มีวันกลับไปมือเปล่าเด็ดขาดฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าพ่อหมอเมืองอินทร์จะเปลี่ยนใจทำเสน่ห์ให้ฉัน” ลำเจียกสีหน้ามุ่งมั่น
“แล้วแกจะทำยังไง พ่อหมอเคร่งวิชาถือพรหมจรรย์ขนาดนั้น”
ลำเจียกตาวาวขึ้นมา “ถือพรหมจรรย์งั้นเหรอ” ลำเจียกยิ้มเชิดหน้ามั่นใจคิดหาทางทำให้เมืองอินทร์ยอมช่วยเหลือ
คำแก้วจะเอาผ้าในตะกร้าของคำปองไปซัก คำแก้วเห็นผ้าถุงของคำปองเปื้อนเลือดระดูเป็นดวงๆ
คำปองเข้ามาเห็นเข้าพอดี “ไม่ต้องหรอกลูก ผ้ามันเปื้อนเลือด เดี๋ยวแม่เอาไปซักเอง”