บทละครโทรทัศน์ บาปบรรพกาล ตอนที่ 19 หน้า 3
ผีปริกหวีดร้องอย่างบ้าคลั่ง สะบัดตัวไปมาดูหลอนๆ “ใช่...มันต้องตาย...ตาย” ผีปริกพุ่งตัวหายวับไป เหลือเพียงน้ำในสระบัวที่กระเพื่อมไปมา
ผีแม้นมาศมองตามแล้วฉีกยิ้มดูเยือกเย็นน่ากลัว
ที่บ้าน ม.ร.ว.หญิงแขไข ม.ล.อุณนิษาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหามารดา “คุณแม่...ตกลงนังรสสุคนธ์ถูกตำรวจจับแล้วใช่มั้ยคะ”
“โอ๊ย...จับอะไรล่ะ มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่อยู่เลย”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ มันเป็นคนฆ่าปริกไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตารามกับชายกรน่ะสิ ออกตัวปกป้องมัน แถมมันยังมีพยานและหลักฐานชัดเจนว่าตอนเกิดเหตุมันไปเฝ้า
ตารามที่โรงพยาบาล ว่าแต่นิษาเหอะตอนนั้นลูกอยู่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้มันใกล้ชิดรามได้”
“เออ...นิษาเบื่อก็เลยออกไปช็อปปิ้งค่ะ แล้วนี่ตำรวจมีหลักฐานอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“แม่ก็ไม่รู้นะ แต่รู้สึกว่าตำรวจกำลังพุ่งไปที่ประเด็นเรื่องที่นังรสสุคนธ์ถูกฉุด”
“อะไรนะคะ แล้วนังปริกตายมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“ตำรวจสันนิษฐานว่านังปริกอาจไปรู้เห็นอะไรเข้าเลยถูกฆ่าปิดปาก”
ม.ล.อุณนิษายืนอึ้ง เรี่ยวแรงแทบไม่มี มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวพึมพำ “ไม่นะ”
“ฮัลโหล..นิษา ฟังอยู่หรือเปล่าลูก ฮัลโหล..นิษา” เสียงสัญญาณโทรศัพท์ซ่าๆ ดังขึ้น ม.ร.ว.หญิงแขไขบ่น “อ้าว...สายหลุด ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”
ม.ล.อุณนิษาได้ยินเสียงไม่ชัดก็เดินหาสัญญาณ “ฮัลโหล คุณแม่...ได้ยินนิษามั้ยคะ”
ปริกปรากฏตัวอยู่ด้านหลัง จ้อง ม.ล.อุณนิษาตาเขม็ง “คุณฆ่าฉันทำไม” ปริกเคลื่อนตัวเอื้อมมือเข้าหา ม.ล.อุณนิษาจะบีบคอ
ม.ล.อุณนิษาสะดุ้งกึกรู้สึกเสียวหลังวาบก็เลยหันขวับไปมอง แต่ปริกก็หายไปแล้ว “นั่นใคร...จีจี้...เธอเหรอ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ม.ล.อุณนิษาเริ่มหลอนรีบเดินหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ
ม.ล.อุณนิษาเข้ามาสงบสติตัวเอง เปิดก๊อกน้ำรองใส่อ่างล้างหน้าจนเต็ม แต่แล้วจู่ๆ หลอดไฟในห้องน้ำก็กะพริบ ม.ล.อุณนิษาชะงัก หันไปมองรอบตัว ดูหวาดๆ ส่งเสียงเรียก “นังปริก...แกอยู่นี่หรือเปล่า” ไม่มีเสียงตอบรับ ม.ล.อุณนิษาโล่งออกก็ลองปิดเปิดไฟอีกครั้ง คราวนี้ไฟสว่างตามเดิม ม.ล.อุณนิษาก้มหน้าลงแล้วกวักน้ำใส่หน้าตัวเองโดยไม่รู้ว่ามีเงาใครบางคนเคลื่อนเข้ามาหยุดด้านหลัง
ที่กระจกเห็นเงาปริกยืนมอง ม.ล.อุณนิษาตาเขม็ง “คุณฆ่าฉันทำไม”
ม.ล.อุณนิษาสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมามองกระจกเห็นปริกยืนอยู่ด้านหลังก็ตกใจ “นังปริก” ยังไม่ทันได้พูดอะไรปริกก็จิกหัว ม.ล.อุณนิษาแล้วกดหัวเธอลงไปในอ่างล้างหน้า “ว้ายยยย”