บทละครโทรทัศน์ พิษสวาท ตอนที่ 12 หน้า 2
“สวัสดีครับ ท่านสมาชิกพรรคไทธำรงค์และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม พลโทอัครา ชัยวัฒน์บดินทร์ หัวหน้าพรรคไทธำรงค์... ครอบครัวของผมเป็นทหารมากันหลายชั่วอายุคนครับ ...เมื่อก่อนผมถามตัวเองเสมอว่า ถ้าผมตายไป ผมจะมีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของผมหรือเปล่า? ผมจะมีหน้าไปบอกท่านไหมว่าผมได้ทำหน้าที่ลูกหลานของท่าน ปกปักษ์รักษาแผ่นดินเกิดได้เหมือนกับที่ท่านทำกันมาหรือยัง? ...และนี่ก็เป็นเหตุผลนึงที่ผมตัดสินใจมาเข้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อผมตายไป ผมจะได้บอกกับพวกท่านได้อย่างภาคภูมิใจว่าผมได้ทำหน้าที่ของลูกหลานท่านแล้ว” อัมพวันฟัง แล้วยิ้มเข้าใจอัครา “ผมขอสัญญาครับ ว่าผมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง ยุติธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนในชาติ และแผ่นดินไทย ให้สมกับคำขวัญของพรรคที่ว่า ไทธำรงค์มั่นคงในความดี ...ขอบคุณครับ”
ทุกคนปรบมือ อัคราพูดจบ ถอยออกจากโพเดี้ยม ไปยืนกับแกนนำพรรคและสมาชิกพรรค นักข่าวถ่ายรูป
อัครายืนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่หน้าโลโก้พรรคไทธำรงค์
“ภารกิจที่ท่านตั้งใจจะทำหลังจากรับตำแหน่งมีอะไรบ้างคะ?”
“ผมจะสานต่องานที่ท่านณรงค์ทำค้างไว้ครับ ก็มีอยู่หลายเรื่อง แต่ที่ผมดำเนินการไปแล้วเมื่อเช้านี้คือ เรายื่นหลักฐานการทุจริตของโครงการนิคมอุตสาหกรรมห้วยดงให้ ACSI” นักข่าวฮือฮากันทันที “และ ACSI ก็รับเรื่องเรียบร้อยแล้วครับ!”
นักข่าวฮือฮา ยิงคำถามอีก “นี่หมายความว่าฝ่ายค้านตั้งใจจะแตกหักกับรัฐบาลเลยใช่ไหมครับ?!”
“แสดงว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมห้วยดงมีการทุจริตจริงใช่ไหมคะ?”
“ไม่ใช่แค่โครงการห้วยดงหรอกครับ”
“ยังมีการทุจริตอีกหลายโครงการเหรอคะ? แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการสังหารท่านณรงค์รึเปล่าคะ?”
ดนัยดูข่าวจากแทปเล็ตที่อัคราให้สัมภาษณ์เรื่องยื่นหลักฐานการทุจริตโครงการนิคมอุตสาหกรรมห้วยดง ดนัยคิดๆ พิชัยเปิดประตูเข้ามา
ดนัยสั่ง “ไปบอกคนของเราเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้ลงมือได้เลย”
“ครับท่าน”
ที่ลานพิพากษา เสียงพระยมเอ่ย “กรรม ไม่เคยละเว้นให้กับมนุษย์ผู้ใด เมื่อถึงเวลา มนุษย์จะต้องได้รับการชดใช้เท่ากันทุกคน”
อุบลที่มีโซ่ตรวนที่ข้อเท้าหมอบกราบอยู่ที่พื้นท่ามกลางทะเลเพลิง “เพราะเหตุนี้ ท่านจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงความยุติธรรม เพราะท่านปฏิบัติกับทุกดวงวิญญาณโดยเท่าเทียมกัน”
“ถ้าเจ้ารู้อย่างนี้แล้ว เหตุใดเจ้าจึงมาเรียกร้องให้ข้าพิพากษาเขาผู้นั้นก่อนถึงเวลา!”
“ก็เพื่อความยุติธรรมของหม่อมฉัน ในขณะที่วิญญาณดวงอื่นได้เวียนว่าย ชดใช้กรรมและเสวยบุญ แต่หม่อมฉันกลับต้องจมอยู่ในความมืดที่เขาสาปสรรค์ไว้ แล้วเหตุใดจึงมีหม่อมฉันเพียงคนเดียว ที่ถูกยกเว้น หม่อมฉันจึงต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง แล้วทุกอย่างก็กำลังใกล้เป็นจริงแล้วพระเจ้าข้า”
“อย่าลืมว่าเจ้ามีเวลาถึงวันที่เขาสาปสรรค์เจ้าเวียนมาบรรจบเท่านั้น!”