ริมถนนเปลี่ยวรถของเดวิดกับเกริกจอดคู่กัน ทั้งคู่ลงจากรถแล้วเดินตรงมาหากัน
เกริกสงสัย “มีอะไรรึเปล่า เรียกออกมาเจอซะดึกดื่น โทรคุยซะก็สิ้นเรื่อง”
“ตอนนี้ไอ้พสุมันกำลังตามถาวรอยู่ แกแน่ใจนะว่ามันตายแล้ว”
เกริกคิ้วขมวดหน้าเครียดกับคำถามของเดวิด “แน่ใจสิ ฉันเห็นมันตายกับตา”
เดวิดพยักหน้ารับกับคำยืนยันของเกริก แต่สายตายังคงจ้องจับผิดเปลี่ยนเรื่องถาม “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าภูริชเป็นลูกแก”
เกริกนิ่งไปแวบเดียว แล้วรีบปั้นหน้าปกติ ทำเป็นไม่แยแส “ก็อีแค่ลูกเมียน้อย แยกกันอยู่ตั้งนานแล้ว มันทำมาหากินอะไรฉันยังไม่รู้เลย”
เดวิดพยายามมองแบบจับพิรุธเกริก “ฉันอยากได้มันเป็นพวก”
เกริกรีบปฏิเสธโวยวาย “อย่าให้ฉันไปพูดกับมันเลย มันยอมฟังซะที่ไหน เจอหน้ามีแต่ทะเลาะกัน ฉันว่าแกอย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า”
เดวิดนิ่งพิจารณาท่าทางของเกริก “แกไม่อยากพูดกับมันไม่เป็นไร ฉันมีวิธี”
เกริกฝืนยิ้มยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจแต่ในใจร้อนรุ่ม
เสียงทุบประตูบ้านดังประตูบ้านจงเดือน จงเดือนเดินตรงมาที่ประตูด้วยชุดเสื้อคลุมแบบคนเพิ่งตื่นนอนแล้วเปิดประตูออก เกริกยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเครียด
“มีอะไรคะคุณ”
เกริกร้อนใจ “คุณจะทำยังไงก็ได้ให้ภูมันไปเรียนต่อหรือไปอยู่เมืองนอกที”
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
เกริกหงุดหงิด “คุณไม่ต้องรู้ว่าทำไมหรอก ทำตามที่ผมพูดก็แล้วกัน” เกริกพูดจบก็เดินกลับบ้านใหญ่ไป ทิ้งให้จงเดือนยืนงงๆ กับคำพูดของเกริก
ภาพหน้าจอโทรทัศน์เสนอข่าวเกี่ยวกับการตัดไม้ ทิชานั่งอยู่บนเตียงพร้อมถือรีโมทอยู่ในมือ ทิชาฟังข่าวอยู่ซักพักก็ถอนหายใจเครียดตัดสินใจกดปิดทีวี หญิงสาวปิดไฟที่หัวเตียง นอนลืมตาใช้ความคิด รู้สึกผิดที่ลาออก
Page more...
ภาคินยืนเหม่อมองพระจันทร์อยู่ที่หน้าระเบียง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพัก เขามองไปที่กองหนังสือกองใหญ่ที่วางอยู่ที่โต๊ะทำงานและตามชั้นหนังสือ อย่างรู้สึกเสียดายวิชาความรู้ ภาคินทรุดตัวลงนั่งปลายเตียง ยกมือขึ้นกุมหัว
ห้องรับแขกบ้านพสุ ภูริชนั่งดูภาพที่ถูกส่งมาให้ผ่านมือถือด้วยสีหน้าเครียด โทรศัพท์ในมือของภูริชมีเบอร์โทรเข้า ภูริชทำหน้าแปลกใจว่าเป็นเบอร์ของใคร แต่ก็กดรับสาย ฟังว่าต้นสายคือใคร
“ดูภาพครบรึยังหลานชาย”
“แกต้องการอะไร”
เดวิดเดินคุยโทรศัพท์ในห้องทำงานด้วยสีหน้าสะใจ “ฉลาดมาก งั้นฉันจะพูดกับแกตรงๆ เลย ทำลายหลักฐานที่พวกแกมีทั้งหมด แล้วมาเป็นพวกฉัน ถ้าไม่อยากเห็นพ่อแกเดือดร้อน”
ภูริชลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธที่โดนเดวิดข่มขู่ “แกอยากทำอะไรก็เรื่องของแก อย่าคิดจะเอาพ่อฉันมาขู่”
เดวิดยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า “ก็แล้วแต่ จำเอาไว้แล้วกัน ถ้าฉันติดคุก พ่อแกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน” เดวิดกดวางโทรศัพท์
ภูริชมองโทรศัพท์อย่างเจ็บใจ
เกริกนั่งหน้าเครียดอยู่คนเดียวในสวน เกริกถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนจะเดินเข้าบ้านก็ชะงักเมื่อเห็นภูริชเดินตรงมาหาตน เกริกทำสีหน้าไม่ถูกไม่ได้เตรียมใจว่าภูริชจะมาหา
ภูริชโกรธ “คราวก่อนผมถามพ่อเรื่องเดวิด แต่พ่อก็ปกป้องมัน ทำไมพ่อไม่บอกความจริงผม” เกริกอึดอัดที่จะต้องพูดเรื่องนี้ ผู้เป็นลูกคาดคั้น “ตอบผมมาสิ”
“พ่อทำไปเพื่อปกป้องแก พอใจรึยัง” ภูริชอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำอธิบายของเกริก “เดวิดมีอิทธิพลมาก ถ้าพ่อไม่ร่วมมือกับมัน ครอบครัวเราก็จะโดนมันฆ่าเหมือน...” เกริกไม่พูดต่อ
ภูริชทั้งโกรธและเสียใจที่ได้รู้ความจริง “ผมไม่มีทางทำผิดเหมือนพ่อแน่” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินแยกไป
เกริกตะโกนเรียก “ภู...” เขาได้แต่เสียใจที่ภูริชไม่เข้าใจตน
ภูริชนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก จงเดือนเดินถือแก้วน้ำมาวางให้แล้วนั่งลงข้างๆ ภูริช ภูริชหันไปยิ้มบางๆ ให้จงเดือน
จงเดือนยกมือขึ้นลูบหลังภูริชเพื่อปลอบใจ “แม่ก็ไม่รู้เรื่องธุรกิจของพ่อมากนักหรอกนะ” ภูริชหันไปมองหน้าจงเดือน “รู้แค่ว่าคนมีอิทธิพลมาขอให้พ่อเราช่วยงาน พ่อเราก็จำใจทำตามเพราะไม่อยากให้พวกเราเดือดร้อน”
ภูริชนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ยังฝังใจตนอยู่
ลูกน้องเอเดนมองหน้าเกริกอย่างสงสัย “ไหนคุณบอกว่าคุณไม่มีลูกไงคุณเกริก”
ภูริชกับจงเดือนมองหน้าเกริกอย่างแปลกใจ
Page more...
เกริกอึ้งไปสักพักเพราะไม่อยากให้เอเดนรู้เรื่องครอบครัวของตน “เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของผมหรอกครับ เป็นลูกติดของคนใช้ “ ภูริชและจงเดือนอึ้งไปกับคำตอบของเกริก “ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท พาลูกเธอไปได้แล้ว”
จงเดือนเสียใจมากได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตาคลอแล้วรีบลากตัวภูริชออกไป ภูริชจ้องมองเกริกด้วยแววตาผิดหวัง
เกริกหันไปคุยกับลูกน้องเอเดนต่อ แต่ก็ยังหันไปมองภูริชเป็นระยะๆ ภูริชกับเกริกสบตากัน เกริกมองภูริชด้วยแววตาเศร้าที่ต้องโกหก ส่วนภูริชฝังใจกับคำพูดของเกริกที่ไม่ยอมรับตนเป็นลูก
ภูริชจำเหตุการณ์ที่ยังฝังใจตนได้ที่เกริกไม่ยอมรับตนเป็นลูก
“ที่พ่อเค้าส่งเราไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่เพราะเค้าไม่รักภูนะ แต่เพราะเค้าห่วงความปลอดภัยของภู” ภูริชถอนหายใจยาวออกมาเมื่อได้รับรู้ความจริงที่ถูกปกปิดมานาน ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างเครียดๆ ผู้เป็นแม่อธิบายต่อ “พ่อเค้าพยายามถอนตัวออกมาจากอีกฝ่ายแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แม่รู้ว่าพ่อเค้าอึดอัดใจมากแต่เค้าเป็นคนไม่ค่อยพูด ภูก็เลยไม่เข้าใจ”
ภูริชหันไปมองหน้าจงเดือนด้วยแววตาเศร้าๆ เสียงอ่อนลง “มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกมั้ยครับแม่”
“เมื่อคืนพ่อเค้ามาขอให้แม่ช่วยพูดให้ลูกกลับไปเรียนต่อดูเค้าร้อนใจมากนะภู”
ภูริชอึ้งไปเมื่อรู้ความจริง เริ่มรู้สึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาหันไปกอดจงเดือน จงเดือนกอดภูริชแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“พ่อเค้ายอมให้ลูกเกลียด ยอมให้เข้าใจเค้าผิดจะได้ห่างๆ กัน พ่อเค้าเสียสละเพื่อภูมากเลยนะลูก”
ภูริชกอดจงเดือนแน่นด้วยแววตาเศร้า
เอวานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั่งอ่านเอกสาร ซักพักโทรศัพท์ก็ดัง เอวายิ้มเมื่อเห็นว่าภูริชเป็นคนโทรหา “วันนี้ทำไมโทรมาช้าจัง”
ภูริชคุยโทรศัทพ์จากในรถ “โทษที ผมแวะไปที่บ้านมา”
เอวารู้สึกถึงความผิดปรกติในน้ำเสียงภูริช “คุณโอเครึเปล่า ทำไมเสียงดูแปลกๆ”
ภูริชฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ได้ยินเสียงคุณก็ดีขึ้นแล้ว”
“เอางี้ดีกว่า คุณมาสอนเทควันโดให้ฉันหน่อยสิ เย็นนี้ฉันว่าง”
“ได้สิ เย็นเจอกัน ผมไปทำธุระก่อนนะ”
เอวามองโทรศัพท์อย่างเป็นห่วงภูริชสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ภูริชนั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านกาแฟอยู่คนเดียวระหว่างรอพสุ ภูริชนึกถึงคำพูดของเดวิด เกริก และจงเดือน
“จำเอาไว้แล้วกัน ถ้าฉันติดคุก พ่อแกก็ติดคุกเหมือนกัน”
“เดวิดมีอิทธิพลมาก ถ้าพ่อไม่ร่วมมือกับมัน ครอบครัวเราก็จะโดนมันฆ่าเหมือน...”
“ที่พ่อเค้าส่งเราไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่เพราะเค้าไม่รักภูนะ แต่เพราะเค้าห่วงความปลอดภัยของภู”
พสุเดินมาทางด้านหลังของภูริช โดยที่ภูริชเหม่อๆ ไม่รู้ตัว พสุเดินมาถึงภูริชแต่ภูริชยังคงเหม่อ “เป็นอะไรรึเปล่า”
ภูริชรู้สึกตัวแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ “คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะพี่”