บทละครโทรทัศน์ หัวใจปฐพี ตอนที่ 22 หน้า 4
2 เมษายน 2558 ( 21:06 )
357.9K
“สวัสดีค่ะ ลุงเกริก”
“นี่เอวาลูกสาวคนเล็ก ตอนนี้กำลังคบกับภูริชอยู่”
เกริกแปลกใจ ฝืนยิ้ม “จริงเหรอ ก็ดีน่ะสิ” เกริกหันไปสบตาภูริชที่มีสีหน้าอึดอัด
เดวิดยื่นเมนุอาหารให้เอวา “อยากกินอะไรสั่งเลยลูก คนกันเองทั้งนั้น” เดวิดหันไปถามภูริช “รู้รึเปล่าว่าลุงกับพ่อเราน่ะสนิทกันตั้งแต่เรายังไม่เกิดเลยนะ”
“เหรอครับ”
เดวิดได้ทีก็หันไปทางเกริก พูดต่อ “แกก็แสบจริงๆ ปิดมาได้ตั้งนาน”
เกริกยิ้มเจื่อนๆ พูดอะไรไม่ออก ภูริชแกล้งก้มหน้าอ่านเมนูอย่างอึดอัด เดวิดยิ้มอย่างสะใจ ขณะที่เอวารู้สึกได้ถึงความผิดปรกติแต่ก็ไม่พูดอะไร
รถของเดวิดเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ เหลือแค่ภูริชกับเกริกยืนคู่กัน ทั้งคู่มองส่งรถของเดวิดได้ซักพัก เกริกก็รีบเดินแยกไป
ภูริชรีบตามไปขวาง “เรื่องนัดกินข้าววันนี้ พ่อร่วมมือกับมันด้วยรึเปล่า”
เกริกรู้สึกผิดหวังที่ภูริชถามอย่างนี้ “แกเห็นหน้าฉันมีความสุขมั้ยล่ะ”
ภูริชอึ้งไปนิดนึงกับคำตอบของเกริก เกริกหัวเสียเดินแยกไปขึ้นรถตัวเองแล้วสตารท์รถออกไปอย่างเร็ว ทิ้งให้ภูริชมองตามอย่างอารมณ์เสีย
ภูริชมองตามรถของเกริกซักพักโทรศัพท์ของภูริชก็ดัง ภูริชกดรับอย่างหัวเสีย
“ทำตามที่ฉันบอก ทิ้งอุดมการณ์โง่ๆ ของแกซะเพื่อคนที่แกรัก ทั้งสองคน”
ภูริชจะอ้าปากด่าเดวิดแต่ไม่ทันอีกฝ่ายวางสายไปก่อน ภูริชยืนฟึดฟัดอย่างเจ็บใจที่โดนเดวิดถือไพ่เหนือกว่า
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล ภาคินนั่งเฝ้าน้องชายอยู่ข้างเตียงโดยที่น้องภาคินมีผ้าพันแผลโพกอยู่ที่หัวและนอนหลับอยู่ ภาคินนั่งมองน้องชายเศร้าๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะปลุกภาคินจากภวังค์ ภาคินหันไปมองทางต้นเสียง
ทิชาค่อยเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกระเช้าของเยี่ยมคนป่วย
ภาคินยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้เจอกับทิชารีบลุกมารับตะกร้าไปวางที่โต๊ะ “ขอบคุณนะที่มา”
“ไม่เป็นไรหรอก” ทิชาหันไปทางน้องชายภาคิน “แล้วน้องเป็นไงบ้าง”
“หมอให้พักอีกวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้ว”
ทิชายิ้มรับคำแล้วทั้งคู่ก็ต่างฝ่ายต่างเงียบไป แล้วทั้งคู่ก็ใจตรงกันพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ทิ/คิน”
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน ภาคินยกมือแทนคำพูดว่าให้ทิชาพูดก่อน ทิชาพยักหน้ารับ
“คินว่าเราตัดสินใจเร็วไปมั้ยที่ลาออก ทิรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ที่ทิ้งงานมาแบบนี้”
ภาคินอึ้งไปเพราะรู้สึกเหมือนทิชา “ทำไงได้ล่ะ สุดท้ายเราก็ต้องห่วงคนที่เรารักมากกว่างานไม่ใช่เหรอ”
Page more...
ทิชาย้อนอย่างรู้ใจ “คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
ภาคินส่ายหน้า
น้องภาคินรู้สึกตัวได้ยินที่ทิชากับภาคินกันอยู่ซักพักแล้วก็ทนไม่ไหวขัดจังหวะขึ้นมา “พี่กลับไปทำงานเหมือนเดิมเถอะ” ทิชากับภาคินหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน “ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่ลาออกจากงานที่พี่รัก”
ภาคินตอบคำถามน้องตัวเองไม่ได้ ทิชาเดินเข้าไปใกล้ภาคินแล้วยกมือขึ้นบีบไหล่ภาคินเพื่อปลอบใจ ภาคินหันไปสบตาทิชาเล็กน้อย
ทิชาช่วยพูด “แต่ที่พี่เราลาออกเพราะไม่อยากเห็นเราได้รับอันตรายนะ”
“แต่ผมก็ไม่อยากเห็นพี่ยอมแพ้ง่ายๆเหมือนกัน”
ทิชากับภาคินต่างพากันอึ้งไปกับคำพูดของน้องชายภาคิน
หมู่บ้านภูสรวงตอนเช้า พสุยืนคุยอยู่กับชาวบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันมาก ภูริชยืนใจลอยคิดถึงเรื่องของเดวิด
พสุคุยกับชาวบ้านเสร็จก็เดินตรงมาหาภูริช “เป็นอะไรรึเปล่า ช่วงนี้ชอบทำหน้าเครียดๆ”
ภูริชส่ายหน้าฝืนยิ้มให้พสุ กำลังจะอ้าปากตอบพสุก็ได้ยินเสียงทิชาและภาคิน “พี่ดิน”
ทั้งพสุกับภูริชหันไปมองทางต้นเสียง ทิชากับภาคินเดินยิ้มเจื่อนๆ ตรงมาหาพสุกับภูริช
พสุกับภูริชแปลกใจที่เห็นทั้งทิชากับภาคิน “มาได้ไงเนี่ย”
ทิชากับภาคินต่างพามองหน้ากันว่าใครจะเป็นคนพูดก่อน
“ผมมาบอกข่าวดีน่ะพี่”
พสุตาโตยกนิ้วชี้สลับไปมาที่ทิชากับภาคิน “อย่าบอกนะว่าแกสองคนจะแต่งงานกัน”
ทิชากับภาคินตาโตเขินกับคำพูดของพสุ รีบโบกมือปฏิเสธกันพัลวัน
“ไม่ใช่พี่ ทิกับคินจะมาบอกว่าเราสองคนกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว”
ทั้งพสุกับภูริชแปลกใจกับคำตอบของทิชา
ภาคินพูดอย่างหนักแน่น “เราสองคนตัดสินใจกันแล้วว่า ถ้าจะตายก็ขอตายในหน้าที่”
“พวกเราไม่อยากรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต” ทิชาพูดจบก็หันไปมองหน้าภาคินอย่างรู้กัน
พสุมองทิชากับภาคินอย่างชื่นใจ ขณะที่ภูริชรู้สึกผิดกับคำพูดของทิชากับภาคิน ทุกคนต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข มีแค่ภูริชที่ยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกผิดในใจ
“ไม่ใช่แค่เราสองคนนะคะ ที่จะช่วยกันปกป้องผืนป่า” ทิชาหันไปยิ้มให้กับภาคิน ภาคินพยักหน้ารับ พสุกับภูริชแปลกใจว่าทิชาหมายถึงอะไร
ลานหมู่บ้านภูสรวงเห็นรถบัสจากหลายจังหวัดเข้ามาจอดหลายคัน ทิชา ภาคิน เดินนำพสุกับภูริชตรงมาที่ลานหมู่บ้าน ทั้งหมดหยุดเดิน ทิชากับภาคินยืนยิ้มอย่างพอใจ ขณะที่พสุกับภูริชมองอย่างทึ่งๆ