บทละครโทรทัศน์ ปดิวรัดา ตอนที่ 18 หน้า 4
ในอดีต เรียงจัดอาหารให้ ปิกนิกริมน้ำตก พระพิจารณ์ธุรกิจจับมือให้มาป้อนตน เรียงเขินอายตามประสาหญิงชาวบ้าน น้ำตกสวยงามตามประสาคู่รัก ทั้งสองเดินจับมือ คุยกันไปตามลำธาร พระพิจารณ์ธุรกิจชี้ชมนก เรียงพยักหน้าอายอย่างเดียว ไม่ค่อยพูด ทั้งสองมองกันด้วยความรัก เอนนอนลงไป จูบกันลงไปที่ริมลำธารนั้นเอง
ร้านถ่ายรูป พระพิจารณ์ธุรกิจกับเรียงทั้งสองเป็นคู่รักกันแล้ว พระพิจารณ์ธุรกิจสวมใส่สร้อยพระประดับพลอยให้เรียง เรียงยกมือไหว้ขอบคุณ ช่างภาพเดินมา ทั้งสองยืนขึ้นถ่ายรูปจับมือกัน
ชรัตน์มองรูปในมือ “แล้วตอนนี้ แม่เรียงอยู่ที่ไหน” รื่นชี้ไปที่ช่องที่กำแพงวัดมีรูปของเรียงอยู่ ชรัตน์ตกใจมาก ค่อยๆเดินไปดูใกล้ๆ “ตายไปแล้วหรือ” ชรัตน์เอารูปไปเทียบดู เป็นเรียงจริงด้วย “ตายไปแล้วจริงๆหรือ”
“พอสัมปทานหมด พ่อคุณก็กลับพระนคร นังเรียงมันถึงรู้ตัวว่ามันท้อง”
“เด็กผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”
“ผู้หญิง”
“ผู้หญิง! น้องสาว” ชรัตน์ดีใจ
รื่นพยักหน้า “พ่อคุณแอบส่งเงินมาให้เรียงมันทุกเดือน แต่พอเด็กคลอดได้ไม่นาน พ่อคุณก็หยุดส่ง แล้วก็หายไปจากชีวิตของนังเรียง”
“ตอนนั้นพ่อประสบอุบัติเหตุรถคว่ำครับ ท่านเจ็บออดแอดๆ มาตลอด ในที่สุดก็เป็นอัมพาต”
“ป่วยหนักอย่างนี้นี่เอง นังเรียงมันก็นึกว่าถูกทิ้งแล้ว”
“คุณปู่กับคุณแม่เข้ามาดูแลกิจการค้าไม้แทน คุณพ่อคงไม่กล้าบอกใคร คุณแม่ผมเป็นคนดุและขี้หึงมากครับ ท่านคงคิดว่าพอรักษาตัวหายก็จะกลับมาหาแม่เรียงได้ แต่ท่านไม่เคยหายเลยครับ เข้าออกโรงพยาบาลมาตลอด”
รื่นเล่าเรื่องต่อ “เฮ้อ ชีวิตนังเรียงมันอาภัพ...ตอนนั้น พอไม่มีปางไม้ แถวนี้ ก็ไม่มีงานให้ทำ”
อดีต ที่สถานีรถไฟพระนคร เรียงหอบลูกเด็กทารกลงรถไฟ มองหาและเดินไปอย่างไร้จุดหมาย
“อดอยากมากเข้า นังเรียงมันก็หอบลูกไปตามหาบ้านของพ่อคุณที่พระนคร พระนครก็ใหญ่โตออกขนาดนั้น คนบ้านนอกอย่างมันตามยังไงก็ไม่มีทางเจอ จนมันล้มป่วยคิดว่าต้องตายแล้วแน่ๆ เรียงมันก็เลยตัดสินใจเอาลูกไปยกให้เศรษฐีเพราะคิดว่าถ้ามันตายไป ลูกก็ยังอยู่ได้ดีกว่าตายทั้งแม่ทั้งลูก”
“แล้วคุณรู้มั้ย แม่เรียงเอาลูกไปให้ใคร”
“ฉันรู้ที่ไหนล่ะ พอยกให้เขาเสร็จ มันก็ไม่สบายหนัก อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน มันเขียนจดหมายหาฉันให้ไปรับมัน”
“จดหมายบอกไหมครับ ว่าเอาลูกไปไว้ไหน”
“เราเป็นชาวป่าชาวดงนะคุณ เราไม่รู้หนังสือมากนักหรอก เข้าใจว่ามันให้คนเขียนให้ บอกมาแค่ชื่อโรงพยาบาล ตอนนั้นฉันมีเงินอยู่บ้างก็เลยลงไปหามัน”