บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 27 (จบบริบูรณ์) หน้า 5
พระยาจันทบูรวิ่งหนีทันที โดยมีทหารคอยคุ้มกัน ขันทองรุกไล่ใส่ขุนแผลงฤทธิ์ ขุนแผลงฤทธิ์ต้องสู้ไปถอยไป เพื่อคอยคุ้มกันพระยาพลเทพที่วิ่งหนีตามพระยาจันทบูรไปอีกคน
ที่ประตูเมืองด้านใน พระเจ้าตากทรงช้างพังคีรีบัญชรอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารที่บุกไล่ จนทหารเมืองจันทบูรแตกพ่ายไม่เป็นกระบวน แม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ไม่มีใครคิดสู้อีกแล้ว คิดแต่หนีอย่างเดียว
“เช้าตรู่ของวันที่ 15 มิถุนายน พุทธศักราช 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็สามารถยึดเมืองจันทบุรีได้สำเร็จ
เป็นการยึดฐานที่มั่นสำคัญ ที่ใช้ในการกู้บ้านกู้เมืองต่อไป และเป็นวีรกรรมครั้งสำคัญ ที่ถูกเล่าขานมาจนทุกวันนี้”
พระเจ้าตากมาถึงเรือนพระยาจันทบูรแต่เช้าตรู่ โดยมีทหารตามอารักขามาด้วย พอมาถึงเรือน หลวงพิชัยและม่วง ก็เดินลงจากเรือนมาพอดี ทั้งคู่รีบเข้าไปคุกเข่าพนมมือเหนือหัวไหว้
“ขอเดชะ พระยาจันทบูรหนีไปแต่ตัว ลูกเมียบ่าวไพร่แลทรัพย์สมบัติทั้งหมดยังอยู่บนเรือน ข้าพระเจ้าให้ทหารอารักขาไว้แล้วพระเจ้าข้า”
“ทหารเมืองจันทบูรก็ยอมจำนนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีผู้ใดคิดต่อสู้อีกพระเจ้าข้า”
พระเจ้าตากพยักหน้ารับ “ดีแล้ว มิควรที่จะต้องเสียเลือดเนื้อคนไทไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
พระเจ้าตากมองไปรอบๆ “พ่อขันทองกับหัวพันหาญเล่า”
หลวงพิชัยรายงาน “ทั้งสอง นำทหารตามไปจับตัวพระยาจันทบูรกับพระยาพลเทพพระเจ้าข้า”
พระเจ้าตากหน้าขรึมลง ไม่สบายใจ “ทั้งสองคน ไม่เป็นภัยต่อเราแล้ว ตามไปเช่นนี้ เหมือนไล่หมาจนตรอก อันตรายนัก” สีหน้าพระเจ้าตากเป็นห่วง
ขันทอง และพันหาญ วิ่งนำทหารไทยไล่จับตัวพระยาพลเทพ พระยาจันทบูร และขุนแผลงฤทธิ์ไปถึงชายหาด โดยมีทหารเมืองจันทบูรกลุ่มหนึ่งวิ่งคุ้มกันมาด้วย พระยาจันทบูรเห็นเรือลำหนึ่งจอดอยู่ริมหาด ตะโกนลั่น
“เห็นเรือข้าแล้ว ถ่วงเวลาไว้”
ขุนแผลงฤทธิ์กับพวกทหารเมืองจันทบูร หันหลังกลับไปสู้กับขันทองและพวกทันที โดยขุนแผลงฤทธิ์สู้กับพันหาญ ในขณะที่ขันทองสู้กับทหารเมืองจันทบูร 2-3 คนที่รุมเข้ามา ต่างฝ่ายต่างสู้กันอย่างดุเดือด เปิดทางให้พระยาจันทบูรวิ่งไปถึงเรือ พระยาจันทบูรพยายามแกะเชือกที่ล่ามเรือไว้ ก่อนที่พระยาพลเทพจะวิ่งตามไปถึง
พระยาพลเทพเหนื่อยหอบ “ท่านเจ้าคุณ จะหนีไปที่ใด”
พระยาจันทบูรพูดไปแก้เชือกไป “ไปที่เรือสำเภา ฉันจะหนีไปบันทายมาศ ฉันกับเจ้าเมืองบันทายมาศเป็นสหาย