"ไอซ์-แม่เอ๋" เปิดใจครั้งแรก "น้าค่อม ชวนชื่น" จากไปปีกว่า ลั่นทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ (มีคลิป)
ยังอยู่กับครอบครัวตลกชื่อดังผู้ล่วงลับ "น้าค่อม ชวนชื่น" ที่ลูกสาว "ไอซ์ ณพัชรินทร์ ปรีดากุล" และ "คุณแม่เอ๋ ประภาศรี ปรีดากุล" มาเปิดใจครั้งแรกกับชีวิตหลังจากนี้จะทำยังไงกันต่อ พร้อมย้อนเล่าวีรกรรม น้าค่อม ตำนานยืนหนึ่งเรื่องซ่อนเงินเมีย ที่มีมูลค่านับล้านบาท ผ่านทางรายการ "คุยแซ่บShow" ทางช่อง one31 ที่มี "หนิง ปณิตา" และ "เป็กกี้ ศรีธัญญา" เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
"ไอซ์-แม่เอ๋" เปิดใจครั้งแรก "น้าค่อม ชวนชื่น" จากไปปีกว่า ลั่นทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้
ความทรงจำของไอซ์กับพ่อคืออะไร?
ไอซ์ : คือพ่อไม่เคยตีหนูเลยค่ะ ทุกครั้งที่พ่อโดนแม่ดุ โดนแม่ตี พ่อก็จะบังหนูตลอด ยอมเจ็บตัวแทนหนูตลอด เรารู้สึกได้ว่าเขารักหนูมาก เขาจะพูดกับพี่ๆ นักแสดงคนอื่นว่าหนูคือคนที่ลำบากมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดที่โตมาลำบากกินน้ำข้าว
แม่เอ๋ : ตอนมีไอซ์ พ่อค่อม เล่นลิเกได้ค่าตัววันละ 200 ก็เก็บเงินเพื่อจะคลอดลูก 3,500 ช่วงเข้าพรรษาลิเกก็จะหยุดเป็นเดือน ฝนตก เล่นไม่ได้ เขาก็เก็บเงิน 3,500 เพื่อคลอดลูก แล้วใช้ชีวิตประจำวันด้วยการหาปลา แกก็เลยบอกว่าไอซ์ลำบากที่สุด พอเราท้องคนที่ 2 เขาเริ่มเข้ามาเล่นตลกแล้ว พี่ค่อมรู้สึกไอซ์ลำบากมาก เขาจะรักมาก
แม่อยู่กับพ่อมากี่ปี?
แม่เอ๋ : 36 ปี
ความทรงจำเกี่ยวกับพ่อที่เป็นอันดับ1?
แม่เอ๋ : เขาเป็นผัวที่พร้อมให้ เป็นผัวที่พร้อมอภัย เป็นผัวที่ใจดี เมียต้องการอะไร อยากได้อะไร แต่เมียบอกว่าหิว หรือเดินบ่นว่าวันนี้อยากกินราดหน้า แป๊บเดียว ขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อให้
ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บShow
น้าค่อมทำแบบนี้มาตั้งแต่แรก?
แม่เอ๋ : ตั้งแต่แรก เสมอต้น เสมอปลาย เป็นผู้เสียสละ เงินถ้ามี 10 บาท ก็ให้เมียกิน 10 บาท ตัวเองเวลาเล่นลิเกได้200 เมื่อก่อน มีผ่อนชุดนอน ผ่อนอะไรต่างๆ ผ่อนไปแล้ว 100 บาท ตอนนั้นมีไอซ์ด้วย เขาบอกเธอกินกับลูกนะ เดี๋ยวฉันกินข้าวงาน คือเขาให้หมด ลูกกับเมียให้บอกว่าอยากได้อะไร เป็นคนน่ารักมาก
เรื่องซ่อนเงินเป็นซิกเนเจอร์ของน้าค่อมนะ ตอนอยู่ว่าดุเดือดแล้ว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เจอเงิน?
ไอซ์ : เจอ 2 ที่
แม่เอ๋ : เจอเงินในเบาะมอเตอร์ไซค์ มอเตอร์ไซค์แกจะเปลี่ยนทุกไตรมาส ทุกซีซั่นที่ออกมา วันนั้นจะเอาไปข้างนอกหลังจากที่ครบ 2 เดือนกักตัวเสร็จแล้ว อยากออกไปข้างนอกบ้าง ไปทำบุญ ไปซื้อยา บอกลูกชายจะไปเปิดประตูรั้วบอกลูกชายคนเล็กลองเปิดเบาะมอเตอร์ไซค์สิ เผื่อพ่อเอาอะไรไว้ในเบาะมอเตอร์ไซค์ พอเปิดก็เจอซองสีน้ำตาล เงิน 200,000 อยู่ในนั้น
เห็นบอกว่ารอบสองเจอเป็นล้าน?
แม่เอ๋ : รอบสองเจอหลังรถ ประมาณ 3-4 เดือน ลูกชายคนที่ 2 บอกว่าแม่ไม่ดูรถพ่อสักที เผื่อแกเอาอะไรไว้ที่ไหน เราก็บอกยังอะ ยังขี้เกียจ ยังทำใจไม่ได้ว่าจะเจอหรือไม่เจอ วันนั้นลูกก็ไปค้น ๆ ทุกอย่าง แล้วเจอชุดกระเป๋าลิเกแก ลูกชายก็ดึงมาทีละอัน ก็เห็นผ้าม้วนอยู่ทำไมถึบหนักและก้อนใหญ่ขนาดนี้ ก็สะบัดออกมา หนึ่งล้าน
ทำไมแกชอบซ่อนเงิน แกสนุกเหรอ?
แม่เอ๋ : แกเป็นโรคจิต
ไอซ์ : ขำ ๆ นะทุกคน
แม่เอ๋ : แกจะมองว่าแกไม่อยากขอเงินเมีย คือเงินเข้าบ้านแล้วไม่อยากขอเงินออก ไม่ว่าจะขับรถมอเตอร์ไซค์ รถเก๋งเติมน้ำมันเต็ม 1 ถังเป็นเงินประมาณ 1,800-2000 บาท ฉันให้คุณเงินไปทำงานด้วย ฉันให้คุณ 500 ไปทำงาน แต่น้ำมันคุณเต็มไปเต็มกลับ คุณเติมได้ไหม คือฉันรู้อยู่แล้ว แต่ฉันไม่สนใจ
ล่าสุดไม่ใช่แค่เงินนะ แต่ไปเจอเพชร เจอพลอย?
แม่เอ๋ : ตู้เสื้อผ้าของแก ก็จะเป็นสูทของแก ก็พิจารณาว่าตัวไหนควรเก็บเข้ากล่อง ล้วงไปในกระเป๋าก็มีแหวนเพชร 4 วง
ไอซ์ : เขาชอบเพชรมาก
แม่เอ๋ : ล้วงไปอีกตัวนึงเป็นกำไลเพชรมาอีก อีกตัวนึงก็เป็นกำไลเพชรอีก ไม่รู้จะซื้อไว้ทำอะไร
ตอนนี้รื้อบ้านครบทุกมุมยัง?
แม่เอ๋ : ตอนนี้ไม่กล้าให้ใครเข้าบ้านแล้ว ที่นอนแก 3 ฟุตที่แกนอนหน้าทีวี ที่นอนแกตอนที่แกติดโควิด เพราะฉะนั้นเป็นที่นอนแกต้องทิ้ง ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลย น้องที่เอาไปทิ้งมันดูให้หรือเปล่า ทุกวันนี้ดิฉันเข้าไปอยู่ในห้องก็ยังไม่รื้อนะ เป็นตู้ของแก เป็นตู้วางทีวีที่แกชอบเอาอุปกรณ์ เอานาฬิกาไปใส่ ฉันยังไม่กล้านะ ทำใจอยู่พักใหญ่ ๆ เลยที่จะค่อย ๆ รื้อ จะเป็นเงินที่แกแทงสนุ๊ก เป็นแบงค์ 20 เป็นปึก ๆ ห่อถุงพลาสติก ตรงนี้ 20,000 ตรงนี้ 10,000 ตรงนี้อีก 30,000 แบงค์ 20 ไม่ใช่แบงค์ใหม่ด้วย เป็นแบงค์ที่เก็บไว้นาน จนเหลืองแล้ว ทุกวันนี้มีความรู้สึก 2 อย่างมาตีกันเลยนะ 1.ดีใจว่าผัวคืนให้ แต่โกรธที่ว่ามึงขโมยตังกูล้านกว่าเนี่ยนะ ครั้งแรกที่จับได้ว่าแกซ่อนตัง ค่าตัววันละ 200 ตอนนั้นเราอยู่บ้านลิเกที่ต้องอยู่รวมกัน แล้วพี่ค่อมจะเป็นช่างตั้งฉากลิเก หัวแกจะเป็นศิลปะ พอเขาโล๊ะ เราก็จะเป็นตัวต้น ๆ ที่จะเอาฉากลิเกไปทำอะไรก็ได้ แกก็จะเอาไปตั้ง ๆ ทำฉาก ทำห้องที่สวยงามมาก เราเป็นผัว เมียกัน ผัวก็จะนุ่งกางเกงในตัวเดียวนอน ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรกัน แต่ความสบายกลับมานอน เราท้องแก่ไอซ์ เราก็นอน ได้ยินเสียง แกรกๆ ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น บ้านไม่มีที่ซ่อน เป็นสี่เหลี่ยม มีแค่ราวแขวนผ้า ผัวซ่อนตังไว้ในกางเกงใน เราก็หันหน้ามาเผชิญกับแกว่าทำอะไร ฉันก็ดึงแล้วกระชากมา
ที่ติดมาคือเงิน?
แม่เอ๋ : ผัวนี่แหละ มันเหมือนทำให้เราโกรธ แต่ในความโกรธเอามาพูดมันเป็นเรื่องขำ เรื่องโจ๊ก
เคยโมโหถึงกับตีกันเลย?
แม่เอ๋ : ชีวิตครอบครัว เราอยู่อีกที่ เขาอยู่อีกที่ พอเรามาอยู่ด้วยกันมันต้องปรับ ต้องจูน สมัยก่อน เราจูนผัวด้วยการตีผัว โชคดีแกเป็นคนไม่ทำร้ายเมีย พูดให้เจ็บช้ำน้ำใจไม่เคย ไม่เคยสู้เมีย วันนั้นที่ทะเลากันมันวิ่งชนประตูออกไปแจ้งตำรวจมาจับฉัน นี่เป็นครั้งแรกใน 1 ปี 9 เดือน ที่แม่ออกมาพูดกับคนแปลกหน้า และที่ยอมมาพูดตรงนี้ ถือว่าเป็นเซฟโซน เป็นที่ที่แม่พูดได้ พูดแล้วสบายใจ พูดแล้วไม่มีอันตรายมาหาแม่ ตัวแม่เอง แม่ไม่ได้อยู่บนโซเชียล ใครจะคอมเมนต์ด่า คอมเมนต์อะไร แม่ไม่สนใจ ทุกวันแม่ใีเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เอาไว้กดช้อปซื้อเสื้อผ้า ดูคลิปทำอาหาร ใครจะมาคอมเมนต์ด่าอะไร แม่ไม่รู้ แม่ไม่ได้ฟัง แม่ไม่รู้ แต่คนที่รู้คือลูก แม่เลยไม่อยากให้มีอะไรที่มาทำให้ลูกแม่นั้นอีก
ตั้งแต่น้าค่อมเสีย แม่ไม่ไปตลาดเลย ทั้งที่แม่ชอบไปมาก?
แม่เอ๋ : ปกติชอบไปตลอดไปซื้อกับข้าว ในหมู่บ้านเราก็จะมีร้านอาหารตามสั่งประจำของเรา ข้างนอกเราก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวประจำของเรา พวกนี้ไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะไปตรงไหน ทุกคนแบบน้าเอ๋ แม่เอ๋ ร้องไห้แล้ว ร้องไห้ก่อนเราอีกเรารู้ว่าทุกคนรู้สึกดีกับเรา สงสารน้าค่อม ไม่น่าไปอย่างนู้น อย่างงี้ เรารู้ว่าทุกคนรู้สึกดีกับเรา แต่มันทำให้จิตใจเราดิ่งมันแย่
ไอซ์ : ในหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านใหญ่ เป็นชุมชน มีร้านข้าว พระมารอตักบาตร มีหลายร้านอาหาร ตอนเช้า พ่อจะปั่นจักรยานตอน 6 โมง พ่อจะซื้อของตั้งแต่ร้านแรก ซื้อจนแม่ค้ารัก พอพ่อเสีย เราไปในหมู่บ้านแม่ค้าร้องไห้หนักกว่าเราอีก เวลาเจอแม่ สิ่งที่เขาทักแม่จะเป็นแบบน้าค่อม เสียดาย อย่างนู้นอย่างงี้ ที่แม่เขาไม่อยากไปคือเขาไม่อยากได้ยิน
แม่เอ๋ : เรารู้ว่าทุกคนหวังดี รู้ว่าทุกคนพร้อมซัพพอร์ต แต่มันทำให้เราดิ่งลงไป เวลาเจอแม่อยากให้ทุกคนถามว่าวันนี้กินอะไร
น้าเอ๋ฝันถึงน้าค่อมบ้างไหม?
แม่เอ๋ : ก็จะมีฝันถึงแก 2 ครั้ง ฝันว่าแกอยู่อีกบ้านหนึ่ง แต่งตัวไปทำงาน แกใส่เสื้อชีฟอง เราก็ถามทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าตัวเอง เอาเสื้อผ้าฉันไปใส่อีกแล้ว เป็นอะไรของเธอเนี่ย พี่เบิร์ตเขาก็ออกรับให้ว่าใส่เสื้อผ้าผู้หญิงมันสบาย ส่วนพี่ค่อมเวลาเราบ่นแกก็จะยิ้มอย่างเดียวไม่มีดึงหน้า
ไอซ์ : ไอซ์ก็ฝัน แต่ไม่ได้ฝันแบบคุยกัน ฝันว่าเรามาทำงานแล้วเจอเขาเดินผ่านไป ผ่านมา แฟนคลับก็มาถามว่าน้าค่อมชอบทานอะไร งวดนี้น้าค่อมให้เต็มๆ เชื่อไหมว่ามีทุกเดือน จนบางทีไอซ์ไปพูดหน้ารูปพ่อว่าให้แต่คนอื่น ไม่ให้ลูก ให้เมียบ้างเลย คือน่ารักมาก แฟนคลับ
อาหารมื้อสุดท้ายก่อนน้าค่อมไปโรงพยาบาล วันนั้นเขาอยากทานอะไร?
แม่เอ๋ : ดิฉันทำกระเพราหมูชิ้นไข่ดาวให้แก แกทานอะไรง่าย ๆ แต่หมูต้องเป็นหมูชิ้น แกชอบทานแกงส้ม ต้มขาไก่กระดูกหมูทอดกระเทียม ไม่ได้อวยตัวเอง คืออะไรก็ได้ที่เมียทำ จากวันนั้นถึงวันนี้ถ้าไม่มีธุระคอขาดบาดตายดิฉันใส่บาตรให้ผัวทุกวัน
ภาพความทรงจำภาพสุดท้ายที่อยู่ในใจแม่เอ๋คืออะไร?
แม่เอ๋ : ประทับใจทุกส่วน พูดไม่ถูก เพราะช่วงชีวิตของแก แกเป็นแบบนี้ น่ารักแบบนี้เสมอ
ไอซ์ : คุณพ่อเป็นคุณพ่อใจดีกับลูกกับหลานทุกคน ความประทับใจของหนูคือความใจดีของพ่อ โชคดีของครอบครัวเรา คือเราเป็นครอบครัวที่สนิทกัน พูดคุย ตลก เราไม่ได้เป็นคนอบครัวที่แบบเสียดายจีงพ่อเสียแล้ว เราลืมทำอะไรแบบนี้ เราไม่เสียดาย เพราะเราถือว่าทุกเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเราทำมาหมดแล้ว
เรื่องอื่น ๆ ผ่านไปแล้ว เราชาวพุทธ เรารู้อยู่ แรงโน้มถ่วงของกฎแห่งกรรมมันเกิดขึ้นเสมอ อโหสิกรรมเพื่อให้เราพ้นจากห่วงกรรมนั้น แล้วเราก็มูฟของเราไป?
แม่เอ๋ : แม่อโหสิกรรมให้ในส่วนของพ่อ
น้าค่อมจากไปปีกว่าแล้ว สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
แม่เอ๋ : ดีขึ้น ดีกว่าในช่วงปีแรก
ยังร้องไห้บ่อยไหม?
แม่เอ๋ : ยังมีเป็นระยะ ๆ ที่พูดถึงแก
แสดงว่าช่วงแรกแม่ร้องไห้ทั้งวัน?
ไอซ์ : ไม่อยากเห็นแม่เลย พอเวลากลับไปหาแม่ พอเวลาเห็นแม่ ขอโทษนะคะ คุณแม่จะโทรมมาก ดูง่อม ดูแก่กว่าเดิมคือเขาอยู่กับที่ อยู่ที่โต๊ะกินข้าวที่นั่งกับพ่อที่เดิม คือเขาเป็นแม่บ้าน เขาไม่ได้มีกิจกรรมที่จะต้องออกไปไหน ไปทำอะไรเหมือนเราที่ต้องไปเจอคน เขาก็อยู่กับบ้าน ความดิ่ง ความจมแน่นอนมันมาอยู่แล้ว 100% แต่ว่าตัวเขาก็ยังดีค่อยๆพยายามดูแลตัวเอง แม่จะไม่พูดว่าตัวเองรู้สึกยังไง เพราะกลัวลูกสาวเครียด!
แม่เอ๋ : ไม่ ๆ ลูกเครียด ลูกก็ห่วงเรา ถ้าเรายิ่งทำให้ลูกเห็นลูกก็จะยิ่งแย่ ลูกมาถามแม่โอเคไหม เราก็บอกโอเคๆ ที่เราโอเคหรือไม่โอเค แต่เราโอเคตลอด แต่เวลาลูกไปก็เข้าโหมดใจเฉา
มีสื่อติดต่อขอสัมภาษณ์ตลอดเวลาปีกว่า แม่เองไม่เคยออกสื่อเลย?
แม่เอ๋ : ไม่กล้าออกสื่อ ไม่อย่างเดียว
เพราะอะไรอะแม่?
แม่เอ๋ : เราจะออกไปพูดอะไร ไปจะร้องไห้แล้วได้อะไร
ปกติจะไม่ร้องไห้ให้ลูกสาวเห็นเท่าไหร่ ครั้งนี้ร้องให้ลูกเห็นแล้วบอกว่าไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้ว?
ไอซ์ : ใช่คือไอซ์ไปเที่ยวเกาหลีกับแบงค์ ลูก กลับมาปุ๊บแวะมาหาเขาที่บ้าน แล้วเขาหันมาหาเราบอกว่าพาแม่ไปอยู่เกาหลีหน่อยสิ พาแม่ไปอยู่ที่อื่นหน่อยสิ แม่ไม่อยากอยู่นี่แล้ว
จะย้ายไปอยู่อเมริกาถาวรจริงหรือเปล่า?
ไอซ์ : ก็มีแพลน คือเขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่อยากเห็นหรือได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับคุณพ่อ บางทีเราอยู่นานๆ ก็มีจุดอิ่มตัว เราก็กลับไปคิดกันกับแบงค์ว่าจะไปไหนกันดี เรารู้สึกว่าประเทศที่เราไปเรารู้สึกคุ้นเคย เราไปก็มีคนนั้น คนนี้ดูแลซัพพอร์ตให้คำแนะนำเราในการใช้ชีวิต ก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วแหละที่จะต้องพาแม่ไปเปลี่ยนที่อยู่บ้าง ไปเปลี่ยนมุมมองใหม่ ๆ บ้าง
จะไปอยู่เลยเหรอ?
ไอซ์ : คิดว่าจะเอาคุณแม่ไปลองอยู่ก่อน สัก 4-5-6 เดือนว่ากันไป หลังจากพ่อเสีย หนูไปประเทศไหน หนูเจอคนไทยเขาเดินมาร้องไห้กับหนูตลอดเลย
แม่เอ๋ : มีคนบอกว่าต้องมูฟออนได้แล้ว เห้ย...ลองเป็นคุณก่อน คุณลองมาเป็นตัวฉัน ผัวฉันไม่ได้เป็นมะเร็งตายไม่ได้เป็นไข้ตาย ไม่ได้เป็นอะไรตาย ผัวฉันติดโควิดตาย ติดโควิดจากที่คนที่เอามาติดโควิดกับผัวฉัน
ไอซ์ : คือคุณพ่อไม่ได้ผ่านการรักษา 1-2-3-4 ที่จะได้มีเวลาทำใจ เวลาได้พูด ได้คุย ที่แม่หมายถึงพ่อเขาติดโควิดปุ๊บวันนี้ได้คุย อีกวันไม่ได้คุยแล้วก็ยาวเลย
แม่เอ๋ : สเต็ปของพี่ค่อมคือ 1, 5 และ 10 แต่คนอื่นที่เป็นมะเร็ง เป็นอะไร นับเวลาถอยหลัง มีเวลาให้ทำใจ คือคำว่ากรีดร้องและร้องคว่ำครวญ ตั้งแต่โรงพยาบาลโทรมา แล้วบอกว่าผัวติดโควิด ดิฉันรู้เลยว่ามันเป็นการร้องไห้คร่ำครวญ ถ้าวันนั้นที่เราเดินไปส่งแกขึ้นรถ แล้วไหนๆ เราจะต้องติดแล้ว ดิฉันจะกอดแก หอมแก กอดกันให้แน่น ๆ กว่านั้นไม่คิดว่าแกจะไปแล้วไม่กลับ จะกอดแกให้แน่น ๆ ตอนอยู่โรงพยาบาล เราก็โทรคุย ถามแกตลอด
ณ วันนั้นที่บ้านใครเป็นคนติดคนแรก?
ไอซ์ : อาทิตย์แรกคุณพ่อ อาทิตย์ที่สองเป็นคุณแม่ อาทิตย์ที่สาม เป็นน้องสะใภ้กับหลาน 1 ขวบ แล้วน้องชายทุกคนถูกจับแยกออกจากบ้าน
แม่เอ๋ : หมอโทรมาบอกว่าพี่ค่อมติดโควิด เหมือนใครมากระชากใจ คำว่าร้องไห้คร่ำครวญ โหยหวนรู้เลยว่ามันเป็นยังไง ตัวเองต้องแอบไปร้องไห้หลังบ้านไม่ให้พี่ค่อมได้ยิน เราไม่รู้จะทำยังไง เราทำใจไม่ได้ที่จะไปบอกแกแบบนั้นมันแย่ ซึ่งตัวแกเอง ด้วยอาการที่เรามองเห็น เหมือนแกรู้ตัวเอง เหมือนแบบ โดนแน่ ๆ เพราะตัวแกอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นเราก็เดินไปบอกแก เธอผลทุกคนออกมาแล้วนะ ทุกคนไม่มี ฉันด้วย แต่ผลของเธอมันยังไม่ชัดเจน หมอขอตรวจซ้ำอีกรอบ แล้วหมอแนะนำว่าให้เธอแยกอยู่บนห้องได้ไหม เขาก็ลุกขึ้นไปอยู่บนห้อง ตอนนั้นคิดว่าเราเป็นแทนดีกว่า เราไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร มันเป็นภาพที่แย่มาก ที่แกเดินขึ้นไป เราก็ต้องหมั่นไปดูแล ถามจะกินอะไร พยายามทำเสียงให้ปกติ ๆ จนดิฉันติด ทีแรกไม่กล้าบอกแกว่าดิฉันติดโควิด แต่แกกังวัลตลอด ตัดสินใจว่าบอกแก เธอ ฉันติดโควิดนะ
ตอนนั้นน้าค่อมห่วงแม่เอ๋และหลานชายที่ยอนอยู่ด้วยกัน สรุปว่าติดทั้งคู่เลยเป็นความกังวลใจหนัก?
แม่เอ๋ : พอดิฉันบอกว่าติดแล้ว ตอนที่บอกตัวแกเองย้ายโรงพยาบาลแล้ว ไม่เป็นไร ใครติดไม่ติดก็เรื่องของเขา ฉันติดแล้วได้อยู่โรงพยาบาลเดียวกับเธอนะ เธออยู่ชั้น11 ฉันอยู่ชั้น 16 นะ หมอบอกว่าให้เธอสูดอ๊อกซิเจนเข้าปอดให้เยอะ ๆ ให้ปอดฟู ถ้าปอดฟูเมื่อไหร่เธอได้ถอดเครื่องช่วยหายใจเมื่อไหร่ เธอกับฉันจะได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ตอนที่บอกว่าติดโควิดเขาไม่พูดอะไรเลย เขาบอก อือ เหมือนคนจุกอก แล้ว 3 วันแกก็ทรุด แกก็ต้องย้ายโรงพยาบาลไปอีก แล้วเราจะมารักษาอยู่โรงพยาบาลนี้เพื่ออะไร อุตส่าห์ตามผัวมารักษาอยู่ที่นี่แล้วทำไมผัวยังหนีไปอีก
ไอซ์ : พ่อห่วงแม่ เขาไม่อยากให้แม่เป็นอะไรแหละ เขาเป็นคนที่รักภรรยา ทุกคนรู้กัน แล้วพอแม่ติด เขาก็ดิ่ง แล้วพอเขารู้จากแม่ เขาก็โทรมาหาไอซ์ทันที ที่ทุกคนบอกว่าไอซ์ใจดำว่าไอซ์อย่างนู้น อย่างนี้ คือเราได้รับสารมาจากพ่อเราแล้วก่อนที่เราเลือกที่จะใจดำ หรือเราเลือกที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ เราไม่ได้อยากเป็นก้าวร้าวนะคะ แต่เราได้รับสารมาแบบนี้จากพ่อ แล้วหนูคิดว่าทำให้เขาแบบนี้มันผิดตรงไหน
แม่ทราบว่าน้าค่อมเสีย แม่จะกระโดดกน้าต่างโรงพยาบาล?
แม่เอ๋ : ณ ตอนนั้นเราเหมือนช็อก จะร้องไห้ยังไงดี จะทำยังไงดี คร่ำครวญ ทำไม ๆ ทำไมต้องมาทิ้งกัน ทำไมต้องมาจากกัน ทำไม แล้วตอนนั้นไม่อยากอยู่แล้ว ทำไม ๆ อุตส่าห์ตามมาหาผัว ผัวก็ยังหนีไปอีก อยากกระโดด ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นโชคดีประตูเขาปิดแล้วมันก็หนาเกินไป เครียดจนทุกอย่างในร่างกายดิ่งหมด ควาดัน เกล็ดเลือดอะไรต่ำหมด
ไอซ์ : เราต้องคอยบอกแม่ว่าแม่ต้องพยายาม
แม่เอ๋ : วันสองวันแรกคือทุกอย่างดิ่งหมด ดิ่งจนน้องพยาบาลเดินเข้ามา บอกว่าอยากคุยอะไรกับหนูไหม อยากพูดอะไรกับหนูไหม คือเราอยากร้องไห้ เราอยากกรี๊ดออกมาให้มันดัง ๆ แต่เราได้แค่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งแม่เอง น้องเองทุกวันนี้ยังวนเวียนอยู่กับความคิดถึงแล้วไม่มูฟออน เพราะจริง ๆ แล้วมันมีความค้างคาใจ
อะไรอยู่ข้างในใจหรือเปล่ามันถึงยังเป็นแบบนี้อยู่?
แม่เอ๋ : ณ ตอนแรกเรามีความเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมเราผิดอะไร เราเป็นผู้สูญเสีย ทำไมทุกคนต้องมาว่าเรา
สิ่งที่แม่ยังเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมคนต้องมาว่าเรา คนต้องมาโทษเรา อันนี้มันเกิดจากอะไร?
ไอซ์ : เขาจะว่าว่าเราใจดำ ใจแคบไม่มีใครเอาโควิดมาติดคนที่ตัวเองรักหรอก เรื่องบางเรื่องเราอยากออกมาพูด คนบอกตลอดว่าทำไมไม่ออกมาพูด ทำไมไม่ออกมาอธิบาย เราพูดไปพ่อเราไม่ได้ฟื้น
ไอซ์อยากจะบอกอะไรกับคนที่เขาไม่เข้าใจเรา?
ไอซ์ : ครอบครัวเราทุกคนที่ไม่ได้ออกสื่อ ใครออกมาพูดก่อนคนนั้นได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะว่าเขาจะมองจากมุมนี้แล้วหันมาด่าเรา
ไอซ์เลือกที่จะเงียบ?
ไอซ์ : เราไม่อยากให้ค่า เรารู้สึกว่าอะไรที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แรก ๆ รู้สึกแย่มาก ร้องไห้ตลอด ร้องไห้เหมือนเราจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว เพราะเราก็เป็นคนอารมณ์ร้อยเหมือนกัน จนแฟนเราห้าม ชื่อฉัน ๆ จนวันนี้มันปีกว่าแล้ว คนเริ่มมาเข้าใจเรามากขึ้น เอาง่าย ๆ เลย พี่ ๆ ในวงการเข้าใจเรามากขึ้น
แสดงว่าก่อนหน้านั้นไอซ์กับคุณแม่เจอคนในวงการที่ไม่เข้าใจ?
แม่เอ๋ : ตัวแม่เองจะไม่ค่อยอะไร เพราะตัวแม่เองไม่ออกไปไหนเลย แต่ไอซ์ต้องออกไปทำงาน
ไอซ์ : ของหนูเคยออกไปทำงานแล้วเจอเพื่อนนักแสดงด้วยกัน เห้ยมึงกุให้กำลังใจนะ พ่อเขาให้ยาอะไรผิดเหรอ พี่เอ๊ะป่ะ หนูโคตรเอ๊ะเลย เราถามว่ารู้มาจากใคร เขาก็บอกว่ารู้มาจากพี่คนนี้ โอ๊ยย..กูไหว้อยู่ตั้งนาน อ่อเหรออะไรอย่างนี้คือเขาเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่ทำไมพี่คนที่เป็นต้นขั้วที่รู้แล้วมาบอกเพื่อนเรา ทำไมไม่ถามเรา เราก็รู้จักกัน เราก็พูดคุยกัน เราก็เจอกันอะไรอย่างนี้ เราฟังแล้วเอ๊ะเลย แสดงว่าหลังบ้าน หรือที่อื่น ๆ เขาต้องไปพูดต่อ ๆ กัน แบบบิดการรักษา บิดนู้น บิดนี่กันเยอะมากเลย
แล้วไอซ์อธิบายให้เพื่อนฟังไหม?
ไอซ์ : ไอซ์อธิบาย พ่อไอซ์แบบนี้นะ คุณพ่อรักษาทุกขั้นตอนแล้ว ให้ยาจนตับแตก ตอนที่คุณพ่อเสีย คุณหมอบอกว่าปลายนิ้วม่วงแล้ว แต่บอดี้เขาคือปกติเลยไม่มีอะไรน่ากลัว วันที่คุณพ่อเสีย เชื้อโควิดก็ยังอยู่ มันไม่หาย เรารักษาทุกขั้นตอนอยู่แล้ว พ่อเราคนหนึ่ง เราไม่มีทางปล่อย อะไรที่ทำได้เราต้องสู้ให้สุดอยู่แล้ว แล้วการที่มาทักเราแบบนี้ เราเอ๊ะเลย มีอะไรที่เราไม่รู้ เราพลาดตรงไหนไป ทำไมคนที่รู้ กับเราที่คุยกับหมอ หรือหมอไปคุยกับใครต่อหรือเปล่า ไอซ์เชื่อว่าคุณหมอโอเค แต่ไอซ์ก็คิดว่า ณ ตอนนั้นมันเป็นตอนใหม่ ๆ สารทุกคนแหละ ที่บอกว่าฉันรู้ ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่
แม่เอ๋ : มันคุยกันไปไกลมากเลย มาถามครอบครัวเราก่อน มาถามครอบครัวเราไหม เขาร้องไห้ทำไม เจ็บช้ำน้ำใจโกรธอะไร หรือมีอะไร
อีกเรื่องที่บอกว่าหนักมาก ๆ คือมีคนดราม่ากันตอนที่น้องทำเสื้อน้าค่อมออกมาก็บอกว่าเอาพ่อออกมาหากิน?
ไอซ์ : ตอนคุณพ่อเสีย เราทำเหมือนครบรอบ 100 วัน เราก็ทำเสื้อคุณพ่อออกมาขาย มันก็มีดราม่า เราทำขายแค่1000 ตัว ก็มีดราม่าว่า หากินกับคนตาย เกาะพ่ออีกแล้ว เอาเงินไปใช้สุรุยสุร่ายแน่ๆ ต้องหาเงินกันแล้ว หนูก็เลยคิดว่าเนี่ยคือคนที่เขาไม่ได้รู้จักเรา เพราะฉะนั้นพี่ถามว่าทำไมหนูไม่ออกไปแก้ตัว ไม่ออกไปพูด เรารู้สึกว่าเราไปคุยกับใครก็ไม่รู้ เหมือนเราคุยกับกำแพง เราพูดไปเรื่อย ๆ เขาก็ไม่เข้าใจเรา ที่เราทำเสื้อ แล้วคนมาด่าเรา เราอยากบอกว่าฉันเป็นลูก แต่คนที่ไม่ได้เป็นลูกทำกันเละเทะไปหมด ไม่เอาเวลาไปด่าเขา แล้วพอหนูทำหนูก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง หนูก็เอาเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่รักษาพ่อ
วันนั้นเจตนาจริง ๆ ที่ทำเสื้อ ต้องการอะไร?
ไอซ์ : ต้องการให้แฟนคลับพ่อได้ซื้อเสื้อ ได้ซื้อของของพ่อ เพราะว่าเสื้อจะเป็นหน้าพ่อ แล้วหลังเสื้อจะเป็นสกีนผลงานพ่อตั้งแต่เรื่องแรกยันเรื่องสุดท้าย แล้วเงินก็ไปบริจาค ณ ตอนนั้นเครื่องไม้ เครื่องมือยังไม่พอ
แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ออกมาพูด?
ไอซ์ : หนูเป็นคนปากหนัก พูดไปมันก็เท่านั้น คือถ้าพูดไปแต่ใจเขาไม่ได้รักเราใจเขาไม่ได้พร้อมเชื่อเรา เหมือนเราคุยกับกำแพงจริง ๆ
ทั้งสองคนตอนนี้ยังต้องพบจิตแพทย์อยู่ไหม?
ไอซ์ : ตัวไอซ์หลังจากพ่อเสียประมาณอาทิตย์หนึ่ง หนูจะไม่นอน 24 ชม.ประมาณครึ่งเดือน ตัวเองคิดเองแล้วว่ามันเกิดจากอาการช็อกว่าพ่อเสียกะทันหัน เรารู้เรื่องมาทั้งหมดทุกครั้งที่เรานอนในหัวเราก็จะทวนเรื่องที่เราได้รับฟังจากคุณหมอมันหนัก จนเราไปทำงานก็ไม่ได้นอน พูดไม่รู้เรื่อง เราอึ้งบ้าง เพราะว่าหัวเรามันไม่ไป เราก็เลยเลือกที่จะไปพบจิตแพทย์ แล้วเขาก็ให้ยาเรามารักษา แต่ยาที่เขาให้มา เราไม่ได้ทานเลย เราแค่อยากรู้ว่าเราเป็นใช่ไหม แล้วสุดท้ายก็จริงว่าเราเป็นอย่างนั้น พอเรารู้เราก็กลับมารักษาตัวเอง กลับมาบำบัดตัวเราเอง มันต้องผ่านไปให้ได้ มันต้องปลดมันต้องวางได้แล้ว
ยาที่ให้มา คือเป็นยาให้หลับ รีแล็กซ์?
ไอซ์ : ใช่ให้นอน ให้ปรับสารเคมี แล้วหนูก็ไม่กล้าทาน หนูกลัวติด เราให้เวลารักษาตัวเราเอง เพราะเรารู้แล้วว่าต้นตอเราเกิดจากอะไร
แม่เอ๋ : ช่วงนั้นหนึ่งวันดิฉันมี 4 อารมณ์ 2 ชม.นี้เศร้ามาก ร้องไห้ เดี๋ยว 2 ชม.ถัดไป ผ่อนคลาย พอ 2 ชม.ต่อไป เกรี้ยวกราด
ไอซ์ : คือแม่เกรี้ยวกราดจริง ๆ จนเราพูดว่าแม่ใจเย็น ๆ
แม่เอ๋ : ไปข้างนอก ไปตรงไหน พร้อมเกรี้ยวกราดใส่ลูก แต่ 2 ชม.ไปก็จะรู้
ไอซ์ : ไอซ์พยายามเบรกแหละ เพราะอะไรที่มันต่างกว่าเดิม จากเดิมเราจะรู้ โอเคแม่เป็นอย่างนี้ เราก็ต้องมาบอกให้น้องเข้าใจด้วย เดี๋ยวน้องจะน้อยใจว่าทำไมแม่ต้องไปหงุดหงิดใส่ ทำไมแม่ต้องโมโหใส่ เราก็อธิบายให้ทุกคนเข้าใจพอทุกอย่างมันผ่านไปได้เขาก็ปกติ
วันนี้โอเคกันแล้วหรือยัง?
แม่เอ๋ : ยังไม่โอเค ยังเหลือประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ บางทีเราอยู่บ้าน เรามีจุดของเรา ตรงโซฟาก็เป็นที่ของพี่ค่อมเขา ถ้าวันไหนเขาไม่ทำงาน เขาก็จะดูทีวีทั้งวัน พอไม่มีแกเราก็อยู่ตรงนั้น ดูที่แกไม่ได้ เหมือนเราเดินออกประตูเรามีรองเท้า 2 คู่ ของเราและของแก พอวันหนึ่งออกจากบ้านมา เหลือของเราคู่เดียว เวลากินข้าว ตักใส่ 2 จาน มันเหลือจานเราคนเดียว
ไอซ์ : คือต้องบอกว่าเรา 3 คนพี่น้อง ทุกคนมีครอบครัว ก็เหลือแต่ตายาย
แม่เอ๋ : เราเข้าใจลูก ลูกพยายามเซฟเรา ลูกถามแม่อยู่ได้ไหม อยู่ได้ แต่พอเขาออกไป อยู่ไม่ได้
ไอซ์ : เวลาเขาไปไหนก็ไปด้วยกัน พ่อเลิกงานกลับมาถ้าที่บ้านไม่ทำกับข้าว เขาก็หิ้วกันสองคนไปทานข้าว
แล้วไอซ์วันนี้กลับมาใช้ชีวิตปกติหรือยัง?
ไอซ์ : มันต้องทำให้ได้ คุณแม้ก็ยังไม่เต็มร้อย ถ้าเราอ่อนแอ เราล้มมันก็จะกลายเป็นล้มแบบโดมิโน่ไปเลย เพราะฉะนั้นเราต้องยืนให้ได้ก่อน พอเรายืนได้ เราก็จะบอกแม่ได้ พอเรายืนได้ เราก็จะไปสอนน้องได้ เราก็จะไปสอนคนนั้นคนนี้ได้ ต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งให้เร็วกว่าเพื่อนมากที่สุด
อะไรที่ทำให้แม่รักน้าค่อมมากขนาดนี้?
แม่เอ๋ : บางคนเคยบอกว่าให้นึกเรื่องที่ไม่ดีของแก แล้วเราจะได้มูฟออนได้ แต่เชื่อไหม ดิฉันอยู่กับแกมา 36 ปี ดิฉันยังหาความไม่ดีของเขาไม่เจอเลย เขาเป็นคนที่รักลูกและรักเมียมาก เมียต้องอันดับ 1 ลูกอันดับ 2 เรื่องที่เขาทำคือเรื่องซ่องเงิน แต่มันไม่ใช่ปัจจัย เขาซ่อนเงินแอบไปออกรถให้ลูก ซ่อนเงินเพื่อไปเปลี่ยนแม็กซ์ให้ตัวเอง ซ่อนเงินแล้วขับรถดิฉันหายไปครึ่งวันแล้วขับกลับมาพร้อมป้ายแดง เปลี่ยนรถให้ตัวเอง เปลี่ยนแม็กซ์ให้ตัวเอง มอเตอร์ไซค์ให้ลูกคันนั้นคันนี้
คือชีวิตมีแต่ทำเพื่อครอบครัว?
แม่เอ๋ : เช้ากองนัด 10 โมง 7 โมงออกจากบ้าน ถ้าออกเลิก 5 โมง 5 โมงครึ่งถึงบ้าน ผัวดิฉันไม่เคยหายไประหว่างทางและเขาไม่เคยว่า นินทา หรือให้ร้าย หรือเอาเรื่องคนนั้นมาพูดตรงนี้ เอาเรื่องคนนี้มาพูดตรงนั้น
ติดตามชมรายการ "คุยแซ่บShow" ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :