บทละครโทรทัศน์ ภพรัก ตอนที่ 4 หน้า 3
เช้าวันใหม่ น้ำรินเดินนำเหยี่ยวไปตามทางเดินของสำนักงานสืบสวนด้วยอาการเศร้า เหยี่ยวเดินตามพร้อมมองน้ำรินอย่างสงสัย “คุณเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย? ผมเห็นคุณดูหมองๆตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”
น้ำรินทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่าอยากร้องไห้” ทันใดนั้นน้ำตาของน้ำรินไหลออกมาจากตา เหยี่ยวมองน้ำตาของน้ำรินอย่างชะงัก
น้ำรินสัมผัสน้ำตา ของตัวเองมาดูอย่างงงๆ “ฉันรู้สึก ..ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคนที่ฉันรักที่สุดแน่ๆ คุณต้องรีบสืบประวัติให้ฉัน”
“ได้...แต่ขอผมไปแถลงข่าวเรื่องการจับกุมวันนี้ก่อนนะ”
“คุณทำงานสำเร็จเพราะฉัน จับคนร้ายคนสำคัญได้ก็เพราะฉันติดหนี้บุญคุณหลายเรื่องจนฉันขี้เกียจจะนับ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ คุณต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณคนอื่นบ้าง จะเอาเปรียบอย่างเดียวได้ไง”
“แถลงข่าวเสร็จแล้วผมจะหาทางช่วย”
น้ำรินขวางเหยี่ยวไว้ไม่ให้เดินต่อไปก่อนจะชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง “ไม่เชื่อ... ฉันขอประกาศไว้เลยนะถ้าคุณไม่ช่วยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะจองล้างจองผลาญ ป่วนให้ถึงที่สุด”
“ผมสัญญาว่าจะช่วยก็แปลว่าช่วย แต่ตอนนี้ขอไปทำธุระสำคัญก่อน” เหยี่ยวเดินทะลุร่างน้ำรินออกไปเลย
น้ำรินเหวอมองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เฮ้ย...เลิกเดินทะลุตัวฉันซะที มันเจ็บเหมือนกันนะเว้ย”
นกน้อยเดินออกมาจากห้องแถลงข่าว เข้ามาบอกเหยี่ยวที่เดินเข้ามาพอดี “หมวดรีบเข้าไปเถอะ สำนักประชาสัมพันธ์จะเตี๊ยมเรื่องข่าวที่จะแถลง”
เหยี่ยวเดินตามนกน้อยเข้าไปในห้อง น้ำรินมองมือตัวเองที่ยังมีคราบน้ำตาอย่างเครียดๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นอย่างร้อนใจ แล้วมองไปทางเหยี่ยวว่ายังไงเธอต้องทำให้เหยี่ยวมาสืบเรื่องของเธอให้ได้
บรรยากาศภายในห้องแถลงข่าวที่กำลังจัดเตรียมสถานที่กันอยู่ นกน้อยคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่อีกทางหนึ่ง เหยี่ยวยืนกับเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งที่ถือไอแพดกำลังบรี๊ฟเรื่องงานที่จะแถลง
“เราจะเริ่มจากท่านสงครามกล่าว ช่วงนี้อาจจะใช้เวลานานสักนิด”
น้ำรินโผล่หน้ามาที่ข้างหูเหยี่ยว แหกปากร้องเพลงกวนประสาท “ต่อให้นานเพียงใดรักแท้ก็ยังจะเป็นรักแท้..” เหยี่ยวหันขวับมามอง น้ำรินทำหน้าเป็นเข้าใส่ หนำซ้ำยังร้องเพลงต่อ “ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา...”
เหยี่ยวกระซิบกับน้ำริน “ออกไป”
น้ำรินยิ้มยั่วๆ “ไม่.. จนกว่าคุณจะไปสืบประวัติฉันเดี๋ยวนี้”
เจ้าหน้าที่หันมาคุยกับเหยี่ยว “หมวดจะยืนอยู่ที่ข้างเวทีตรงนั้น รอสักนิดนะคะ”
น้ำรินร้องเพลงกรอกหูเหยี่ยว “แม้จะต้องรอไม่รู้ว่านานเพียงใดก็จะไม่ท้อ”