บทละครโทรทัศน์ บ่วงอธิฏฐาน ตอนที่ 3 หน้า 4
“แม่บ้านรู้จักคุณแล้ว คุณเข้าออกที่นี่ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงครับ”
โยสิตาจะเปิดประตูรถ แต่กฤตธรมือไวกว่าโดยสัญชาตญาณ จนโยสิตาต้องชะงัก โยสิตาไม่เคยเจอสุภาพบุรุษอย่างนี้เหมือนกัน..ลึกๆ ประทับใจไม่น้อย โยสิตาขึ้นรถสตาร์ทเครื่องหลายครั้งกว่าจะติด กฤตธรยกนิ้วโป้งให้ โยสิตาขับรถออกไป กฤตธรมองตาม
บ้านอธิน รูปถ่ายกำไลทองครึ่งวงที่ขุดพบในหลุมขุดค้น ตามด้วยรูปกำไลชิ้นเดียวกันแต่ถูกทำความสะอาดและทำหมายเลขกำกับแล้ว ปรากฏในจอคอมพ์
“เป็นอีกครึ่งหนึ่งของพาหุรัดชิ้นนี้แน่ๆ ค่ะพ่อ โยแน่ใจขนาดพอๆ กัน ลวดลายก็แบบเดียวกัน เพียงแต่ชิ้นที่โยเห็นมีหนามเตยเหมือนเอาไว้รองรับพลอยหรือหินสีด้วย” โยสิตาอธิบายพลางชี้ภาพบนจอ
“เราจะสรุป เอาตามความรู้สึกไม่ได้หรอกนะโย แล้วลูกได้ถามเขาไปหรือเปล่าว่าเขาได้มายังไง”
“โยมัวตกใจน่ะค่ะ เลยไม่ทันได้ถาม แต่พ่อคะ โยแน่ใจว่าเราใกล้ศิลาจารึกแผ่นนั้นแล้วล่ะ”
“ไม่เห็นกับตา พิสูจน์ไม่ได้หรอกนะลูก” อธินเอ่ยเตือน
“ขนาดพาหุรัดทองยังไปอยู่ในมือเขาเลย แสดงว่าคุณกสินทร์ก็ต้องสนใจสะสมของจันทรปุระ เชื่อเถอะค่ะพ่อ ออร์เดอร์ให้ขโมยศิลาจารึกนั่น โยว่าต้องเป็นคุณกสินทร์คนนี้แหละ..ยังมีบางห้องที่โยยังไม่ได้เข้าไปดู..มันต้องอยู่ในบ้านหลังนั้นแหละค่ะพ่อ” อธินคิดตาม
บ้านกสินทร์ กำไลครึ่งเสี้ยวที่อยู่ในมือกสินทร์ค่อยๆ ถูกวางลง กสินทร์และเกรียงนั่งจิบน้ำชากินของว่างกัน
“ถ้าไม่นับพวกนักวิชาการ อาจารย์คิดว่าใครรู้เรื่องจันทรปุระเยอะที่สุด” กสินทร์เอ่ยถาม
เกรียงเห็นบุษกร เดินผ่านไกลๆ ภาพบุษกรไม่คมชัด แต่เหมือนมองทะลุได้“ผมคิดว่าไม่มี”
“สาบสูญ เหลือแต่ชื่อ กับตำนานจริงๆ อาณาจักรนี้”
“มันเป็นธรรมดาโลกนี่ครับ คุณกสินทร์ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนในโลกใบนี้ เจริญที่สุดก็เสื่อมถอยลงต่ำที่สุดได้เหมือนกันครับ”
จู่ๆ บุษกรก็โผล่อยู่ด้านหลังกสินทร์
“ถ้านักวิชาการเราอ่านศิลาจารึกแผ่นนั้นได้ เราคงได้รู้อะไรๆ เกี่ยวกับอาณาจักรนี้มากขึ้นนะอาจารย์” กสินทร์เอ่ยต่อ
“ครับ..เว้นแต่ว่า...”
“เว้นแต่ว่าอะไร”
“มันอาจจะไม่ใช่จารึกการสร้างเมืองก็ได้”
“ไม่หรอกมั้งอาจารย์..ถ้าไม่ใช่จารึกสร้างเมือง แล้วจะเป็นอะไร”
เกรียงไม่ยอมพูด เพราะได้แต่มองบุษกร ที่เคลื่อนไปมาอยู่ข้างหลังกสินทร์
กสินทร์หันไปมองข้างหลังตามสายตาเกรียง แต่ก็ไม่เห็นอะไรจึงเอ่ยเรียก “อาจารย์.........”