บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 8
ในห้องนอน ปางพักแรม ภูผาเมือง ตะเกียงน้ำมันจุดสว่างสลัวๆ ...ที่นอนในมุ้งยังว่างเปล่า แม้นเมืองเองก็ยังไม่ยอมนอน ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง ตั้งใจรอคอยศุขวงศ์เพราะมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุย
หน้าผาภูผาเมือง ศุขวงศ์จำใจยกจอกเหล้าขึ้นดื่มหมด แต่เมื่อยื่นจอกเหล้าคืนให้หน่อเมือง หน่อเมืองกลับเทเหล้าลงจอกเติมให้ศุขวงศ์อีก “ท่านต้องเข้าใจอย่างนึง เจ้าอุปราช เพราะยุคนั้นไม่มีมือที่สามเป็นพวกฝรั่งคอยสอดแทรกเหมือนกับทุกวันนี้ ความใหม่กับความวิบัติไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไปหรอกนะ เจ้าอุปราชโลกต้องเปลี่ยนแปลงและก้าวไปไม่มีใครหยุดมันไว้ หรือบังคับให้มันเดินถอยหลังได้...เราต้องโอนอ่อน และยอมรับสิ่งใหม่อย่างรอบคอบไม่หักหาญขวางทางไม่ยอมรับอย่างหลงใหลตะกละตะกลาม”
“ท่านสิกำลังหลงใหล หลงว่าพวกเราไม่มีกำลังพอจะปกป้องตนเองหลงว่า สยามจะคุ้มครองบ้านเมืองของเราได้” ศุขวงศ์ไม่ละสายตาจากหน่อเมือง
“เรามาร่วมมือกันดีกว่า...เจ้าศุขวงศ์รวบรวมพี่น้องญาติให้เป็นกลุ่มก้อน แล้วฉวยโอกาสตั้งตัวเป็นอิสระขณะที่ทั้งสยามทั้งเมืองมัณฑ์ต้องแก้ปัญหากับพวกกุลาขาว ไอ้คนเถื่อนพวกนั้นมันไม่สนใจเราหรอกแค่รับมือกับสยามกับเมืองมัณฑ์ก็เต็มมือแล้ว”
“เฉพาะเครือญาติในดินแดนแถบนี้เล็กเกินกว่าจะสามารถต่อรอง ทั้งอังกฤษ ทั้งฝรั่งเศสจะวางมือจากเมืองใหม่มาจัดการพวกเราเป็นรายแรก ฉีกเป็นชิ้น ๆ แบ่งกันแสวงหาประโยชน์พวกมันต้องการป่าไม้ของเรา”
หน่อเมืองจ้องเขม็ง
“การรวมกับราชอาณาจักรใหญ่เท่านั้นเป็นทางรอดทางเดียว พวกผู้หลักผู้ใหญ่ขบคิดไตร่ตรองกันถ้วนถี่แล้ว เห็นว่าสยามน่าจะพาเรารอดมากกว่าเมืองมัณฑ์ ซึ่งกำลังเดินหมากผิดด้วยการใช้ไม้แข็งกับอังกฤษ ทุกท่านเห็นว่าการใช้ไม้แข็งจะยั่วยุให้เราถูกรุกรานยึดครองเร็วขึ้น ทุกท่านเห็นว่าพวกเราควรรวมกันเป็นปึกแผ่นไม่อยากให้มีใครถูกแบ่งแยกตัดเฉือนออกไป”
“เลยพากันเดินเข้าไปซบสวามิภักดิ์กับกษัตริย์สยาม แล้วเป็นอย่างไรล่ะคนใต้ก็เข้ามาเหยียบย่ำเปลี่ยนแปลงระบบเดิม ๆ ของพวกเรา สูบกินผลประโยชน์ของเราเหมือนกัน”
ศุขวงศ์นิ่ง น่าจะเปล่าประโยชน์ที่จะโน้มน้าวคนอย่างหน่อเมือง
“เราไม่เคยเชื่อเลย ว่าเราจะไม่สามารถปกป้องตัวเองจากคนเถื่อนพวกนั้นได้”
ศุขวงศ์จะเถียงแต่หน่อเมืองยกมือห้าม