บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 18
ท้องพระโรง เนืองแน่นไปด้วย เสนาบดี อำมาตย์ บรรยากาศตึงเครียด กษัตริย์ประทับบนบัลลังก์
“ฎีกานั้น คือการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ข้าพุทธเจ้าเห็นสมควรว่าควรจับตัวมันผู้นั้นตัดหัวแลเสียบประจานไม่ไห้เป็นเยี่ยงอย่าง”
เสนาบดีอีกคนสวนทันที “แต่หากฎีกานั้นมีมูลเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ด้วยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเหมือนกัน”
“มีแต่คนสติไม่สมประกอบเท่านั้นที่บังอาจทูลเกล้าถวายฎีกานี้”
“นั่นหาใช่ประเด็นไม่ เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เปิดเผยให้ได้ว่าพระนางปัทมสุดาทรงพระครรภ์จริงรึไม่”
“บังอาจ ท่านก้าวล่วงพระราชอำนาจ แลหมิ่นพระบรม...”
“ความจริงต้องเป็นความจริงมิใช่เพียงข้าแต่ราษฎรทั่วทั้งเมืองมัณฑ์ก็ต้องการคำตอบนี้เช่นกัน”
การโต้เถียงหยุดกึกลงทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ และทุกสายตามองไปทางเดียวกัน กษัตริย์มองไปทางประตูทางเข้า ขบวนปัทมสุดาเข้ามาถึงปากประตู ..,ปัทมสุดาเดินตรงเข้ามาที่ ที่ประทับ พวกเสนาบดีทั้งหมดก้มลงหมอบกราบถวายความเคารพ ปัทมสุดากราบถวายความเคารพกษัตริย์ แล้วขึ้นนั่งบนที่ประทับ “หม่องหม่อง มีเรื่องสำคัญอะไร วันนี้ถึงต้องเรียกตัวน้องเข้าร่วมประชุมเพคะ”
ปัทมสุดายิ้ม กษัตริย์ที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เผชิญหน้ากับนาทีต้องใช้ความกล้าหาญอย่างที่สุด
ในตำหนักปัทมสุดา มิ่งหล้ากล่าวกับฟองจันทร์
“เวลาของความเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึงแล้วฟองจันทร์ ความแน่นอนในโลกนี้คือความไม่แน่นอน แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ชัยชนะย่อมตกแก่ผู้แข็งแกร่งกว่าเสมอ”
มิ่งหล้ามองไปที่ตั่งที่นั่งประจำของปัทมสุดา
“ดูเอาไว้ให้เต็มตาฟองจันทร์ ที่ตรงนั้นอีกไม่นานมันจะเป็นที่ของข้า โลกจะต้องจดจำว่าครั้งนึงราชธิดาจากเชียงเงินขึ้นนั่งบัลลังก์ราชินีเมืองมัณฑ์อย่างสมศักดิ์ศรี”
ท้องพระโรง ปัทมสุดาเกรี้ยวกราดกลางท้องพระโรงสยบทุกคน
“แผ่นดินนี้มาถึงกาลวิบัติแล้วหรือไร ไพร่ฟ้าฝุ่นเมืองจึงได้ลุกขึ้นมาแสดงความหยามหมิ่นข้า ด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรงอย่างนี้” เสนาบดีทั้งหมดก้มหน้านิ่ง