บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 7
กลางคืน ห้องมิ่งหล้า ข่ายคำเช็ดตัวให้มิ่งหล้าไปร้องไห้ไป มิ่งหล้ายังนอนนิ่งประท้วงเหมือนเดิม
“แม่อยากให้ลูกรับรู้เอาไว้อย่างนึ่ง ไม่มีใครจะหวังดีอย่างจริงใจต่อลูก เท่ากับพ่อแม่...สิ่งที่ดีที่สุดพ่อแม่ เลือกเอาไว้ให้ลูกแล้ว ลูกต้องเห็นใจพ่อกับแม่ด้วยวันนี้ลูกอาจจะไม่ยอมรับ แต่วันข้างหน้า ลูกจะเห็นด้วยตัวของลูกเอง” มิ่งหล้านิ่งเฉยเลื่อนลอย
“แม่อุตส่าห์กดแม้นเมืองเอาไว้ให้อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่าลูก ยกลูกให้สูงมีค่าควรเมือง แต่สิ่งที่ลูกทำนี้มันแสดงว่าความรักของแม่ไม่มีค่าอะไรเลย อย่างนั้นใช่ไหม” ในความเลื่อนลอยของมิ่งหล้า เห็นได้ว่ารับรู้
“เชียงพระคำก็แค่เมืองเล็กๆเทียบกันไม่ได้เลยกับเมืองมัณฑ์นะลูก ต่อให้ลูกเต็มใจไปอยู่เชียงพระคำ ลูกก็ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ อย่างเก่งก็เป็นได้แค่เมียเจ้าราชภาตียะ หาศักดิ์ศรีอะไรไม่ได้เลย. .แต่ถ้าลูกไปเมืองมัณฑ์ อย่างน้อยวันนี้โลกทั้งโลกก็ต้องรับรู้ว่าลูกคือชายาคนนึงของกษัตริย์เมืองมัณฑ์ มันเทียบกันไม่ได้เลย คิดดูเอาเถอะนะลูก แม่เชื่อว่าลูกของแม่มีสติปัญญาพอที่จะใคร่ครวญสิ่งนี้”
มิ่งหล้าน้ำตาเอ่อออกมา ความต้องการได้ครอบครองเป็นเมียศุขวงศ์ กับความเจ็บใจที่ถูกทรยศหักหลัง ยังคัดง้างอยู่ในใจ
ด้านนอก เรือนรับรองแฝด ในความมืดสลัว มีแสงสว่างวอมแวมจากภายใน.. ศุขวงศ์ยืนอยู่มุมหนึ่งในสวน มองไปทางเรือนแม้นเมือง อย่างพยายามทำใจ “ถ้าทุกอย่างถึงวันนี้ ด้วยหัวใจของเราสองคนจริงๆไม่ใช่ด้วยเสน่ห์กลจากใครบางคน พี่คงดีใจกว่านี้ ..แม้นเมือง”
เช้ามืด บนเรือนแม้นเมือง บรรยากาศในโรงครัว บริวารช่วยกันนึ่งข้าว ต้มแกงกันอลหม่าน เขียนจันทร์ เคาะประตูเรียก “เจ้าแม้นเมืองเจ้า ตื่นนอนได้แล้วเจ้า” เขียนจันทร์ ดันประตูเปิดเข้าไป
แม้นเมืองนั่งอยู่ปลายเตียงที่เดิม เหมือนไม่ได้ขยับไปไหนเลย “เจ้าตื่นนานแล้วก่อเจ้า”
“เราไม่ได้นอนเลย เขียนจันทร์”
“คงจะแปลกที่แถมนังพวกนั้นคงส่งเสียงตึงตังกันในครัวด้วยเจ้าเลยนอนบ่หลับ”
แม้นเมืองไม่อยากขยายความ ว่านอนไม่หลับเพราะอะไรกันแน่
“ฟ้าใกล้สางแล้วยังไงก็ต้องลุกขึ้นแต่งตัวแล้วละเจ้า เดี๋ยวจะบ่ทันการ” แม้นเมืองอดใจหายไม่ได้