บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 2 หน้า 2
“นี่คือเหตุผลแห่งการโอนอ่อนราวกับยอดหญ้า ของเมืองใหญ่อย่างสยามอย่างนั้นรึ”
ศุขวงศ์งสงบนิ่งหน้าอมยิ้ม
“สำหรับพวกเราชาวเชียงเงิน ขอยินดีล่มสลายไปพร้อมกับความเชื่อและศักดิ์ศรีของเรา คิดว่าคงจะดีกว่าการอยู่โดยต้องเปลี่ยนตัวเองให้ตกเป็นทาสทางความคิดทางวัฒนธรรมประเพณีของผู้อื่น ข้าเจ้าเชื่อว่า การต่อต้านจนตัวตายยังดีกว่าการอยู่อย่างไร้ตัวตน”
ศุขวงศ์เรียนรู้ความคิดทั้งหมดของแม้นเมือง แม้นเมืองบังคับม้าให้หันกลับ
“ข้าเจ้าต้องรีบไปแล้ว เจ้าศุขวงศ์ ขอโทษด้วยที่ไม่อาจอยู่ต้อนรับได้”
แม้นเมืองจะกระตุ้นม้าให้ออกวิ่ง
“เจ้าจะไม่เรียกเราว่าพี่หรือ...แม้นเมืองด้วยศักดิ์และอายุ เราเป็นพี่ของเจ้า”
แม้นเมืองชะงักนิดนึง คำพูดนี้ปะทะเข้ากลางหัวใจ ศุขวงศ์ยิ้ม แม้นเมือง ปรายตามามองแว่บเดียว
เหมือนมองหาความจริงใจในคำพูด แต่แล้วกลับเชิดหน้าบึ่งชาก่อน บังคับม้าวิ่งจากไป ศุขวงศ์ รู้สึกถึงความดื้อดึงและน่าค้นหา
ปลายดงชมพูป่า แม้นเมืองชะลอฝีเท้าม้าลง เมื่อรู้สึกว่ามาไกลจากศุขวงศ์มากพอแล้ว เหลียวหลังมองย้อนกลับไปทางที่ ที่จากมา ลูบข้างคอม้า โน้มตัวไปเหมือนคุยกับม้า
“มีความจำเป็นอะไรที่ข้าต้องเรียกเขาว่าพี่....เขาก็ แค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้นเอง..”
แม้นเมืองบังคับใจให้คิดแบบนั้น แล้วใจลอย ปล่อยให้ม้าพาเดินไปเรื่อยๆตามทาง
เรือนรับรอง อินทรเปรย
“นั่นแหละเจ้า..ความคิดยอมหักแต่ไม่ยอมงอ หล่อหลอมมาจากเจ้าหลวงแสนอินทะกับเจ้าอุปราชสิงห์คำล้วนๆเลย นี่ขนาดเกิดเป็นหญิงยังดุดันขนาดนี้ ถ้าเจ้าแม้นเมืองเกิดเป็นชายอีกคน เชียงเงินจะยิ่งแข็งกร้าวขนาดไหน”
“แต่เราเชื่ออย่างนึงอินทร ต่อให้แข็งกร้าวยังไง แม้นเมืองก็ต้องเก็บคำพูดของเราไปขบคิดบ้างละ
“อะไรทำให้เจ้าเชื่ออย่างนั้น”
“ในความหยิ่งทรนงเราเห็นความคิดสติปัญญาในตัวนาง เราเชื่อว่าสักวัน แม้นเมืองจะเปลี่ยนทัศนคติได้”