บทละครโทรทัศน์ ลิขิตริษยา ตอนที่ 8 หน้า 3
ซ่อนกลิ่นเดินควงหลวงเดชออกมาที่ห้องโถง หลวงเดชเห็นนพก็เข้ามาทักทาย “รอนานไหมนพ”
“ไม่นานขอรับ คุณหลวงจะไปเลยไหมขอรับ”
“ไปสิ” หลวงเดชหันมาหาซ่อนกลิ่น “พี่ไปทำงานก่อนนะ”
“ค่ะคุณพี่” ซ่อนกลิ่นหอมแก้มหลวงเดชต่อหน้านพหน้าตาเฉย นพเบือนหน้าไปทางอื่น
ทันใดนั้นเองโฉมฉายเดินเข้ามาหาหลวงเดชสีหน้าร้อนใจ “คุณหลวงคะ”
หลวงเดชหันมาทางโฉมฉายสีหน้านิ่งไร้อารมณ์ “มีอะไร”
“ฉันขอคุยด้วยสักประเดี๋ยวได้ไหมคะ”
“มีอะไรก็ว่ามาเลย ฉันรีบ” โฉมฉายหันไปทางนพ อึกอักไม่รู้จะพูดยังไง “ว่าอย่างไร” หลวงเดชถามเสียงเขียว
“ฉันอยากขอพาหนูอรไปหาคุณพิศบ้างค่ะ สงสารคุณพิศ เธอร้องหาลูกตลอด”
ซ่อนกลิ่นได้ยินก็ออกอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “หนูอรเป็นลูกของฉันแล้ว ฉันไม่ให้”
หลวงเดชจับมือซ่อนกลิ่นปลอบใจ หันไปพูดกับโฉมฉาย “ได้ยินแล้วใช่ไหม แม่เขาไม่ยอม ฉันคงให้ไม่ได้”
“แต่หนูอรเป็นลูกคุณพิศนะคะ” โฉมฉายท้วง
“แต่ตอนนี้เป็นลูกของฉัน เรื่องอะไรฉันจะยอมให้คนบ้าอุ้มลูกฉัน”
นพออกอาการไม่ค่อยพอใจแต่พยายามเก็บอารมณ์
“เอาเป็นว่าฉันไม่อนุญาต หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไปทำงาน” หลวงเดชตัดบท ซ่อนกลิ่นรีบควงหลวงเดชออกไป
โฉมฉายพยายามเว้าวอนร้องขอ “คุณหลวงคะ คุณหลวง”
โฉมฉายเสียใจมาก นพทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินตามหลวงเดชออกไป
โฉมฉายนั่งเครียดด้วยความห่วงใยพิศ
เจิมคอยปลอบใจ “คุณโฉมอย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าคะ คนหน้ามืดตามัว คงไม่มีสติสตังจะคิดอะไรได้หรอกเจ้าค่ะ”
“แต่ฉันสงสารคุณพิศนี่ เธอคิดถึงลูกออกอย่างนั้น ถึงจะสติวิปลาสแต่สายใยความเป็นแม่ลูกกันก็ยังทำให้เธอคิดถึงลูก”
ซ่อนกลิ่นเดินเข้ามาสีหน้าสะใจมาก “สงสารตัวเองดีกว่ากระมัง ผัวจะทิ้งอยู่แล้ว ยังจะมีหน้าไปสงสารคนอื่น”
เจิมได้ยินก็โมโหขึ้นมาทันที “ปากอย่างนี้วอนโดนตบนี่หว่า”
“อีเจิม มึงแหกตาดูซิว่าตอนนี้กูเป็นใคร มึงกล้าล่วงเกินกูรึ” ซ่อนกลิ่นเย้ย
“ทำไมจะไม่กล้า ใครมาด่านายกู กูตบไม่เลือกทั้งนั้นหรอกโว๊ย” เจิมไม่กลัวเข้าไปตบซ่อนกลิ่น ซ่อนกลิ่นตบสู้
โฉมฉายพยายามห้ามสองคนไม่ให้ตบกัน “หยุดนะเจิม ฉันบอกให้หยุด” โฉมฉายดึงเจิมออกมา
ซ่อนกลิ่นนั่งกองอยู่กับพื้นร้องโวยวาย “อีเจิม กูจะฆ่ามึง !!!”
“ก็เอาสิโว้ย กูไม่กลัวมึงหรอก มึงฆ่าคุณกรองแก้วได้ แต่กูไม่มีทางยอมมึงหรอกโว้ย” เจิมไม่เกรงด่าต่อ
โฉมฉายกลัวจะมีเรื่องอีก รีบดึงเจิมออกไปทันที “ไปเจิมออกไปเดี๋ยวนี้”
ซ่อนกลิ่นมองตามเจ็บใจมาก ตะโกนเรียก “อีธูป มึงอยู่ไหนห๊ะ อีธูป”