บทละครโทรทัศน์ ศรีอโยธยา ตอนที่ 16 หน้า 5
สมเด็จพระพันวัสสา : ที่บนพระมหามณฑป องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงประกอบพระราชพิธีเลย
สมเด็จพระพันวัสสาทรงสังเกตเห็นพระอาการที่แปลกไปของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศขณะอยู่บนพระบาท
พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศ : สุทัศ...ทำแทนพ่อ..ทำแทนพ่อ
กรมพระราชวังบวรฯ : พะย่ะค่ะ
สมเด็จพระพันวัสสา : ทรงให้สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ทรงปฏิบัติแทนพระองค์
เจ้าพระยาพิชัยชาญฤทธิ์ : คืนก่อนวันสถาปนาองค์กรมพระราชวังบวรฯ เพียงหนึ่งคืน ข้าพุทธเจ้ากำลังนั่งสมาธิ ก็ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดเหนือพระบรมมหาราชวัง และในนิมิตก็เห็นควันดำจางๆ วนรายรอบพระที่นั่งบรรยงค์พะย่ะค่ะ และถ้าหากสิ่งที่กำลังสงสัยแคลงใจกันอยู่จริง ข้าพุทธเจ้าคิดว่าราชบัลลังก์กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระพันวัสสา : เจ้าคุณพิชัย ข้าขอให้เจ้าเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกเพลา อย่าให้คลาดสายตา แม้ในยามถวายนางพระบำเรอ หรือในยามบรรทม ให้อ้างว่ามีสายรายงานจากพม่าว่ามีศัตรูลอบเข้ามาในกรุงศรีฯ ส่วนเจ้า ราตรี ให้คุณท้าวเข้าไปที่ตำหนักเจ้าจอมแขทุกวัน ให้แจ้งว่าสมเด็จพระพันวัสสามีพระราชกระแสรับสั่งให้เข้ามาฝึกฝนกริยามารยาทแบบชาววัง ส่วนเจ้าก็คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ส่วนอานั้นก็จะเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวทั้งเช้า ค่ำ เช่นกัน
เจ้าพระยาพิชัยชาญฤทธิ์ : มันน่าจะเอาไปตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร
สมเด็จพระพันวัสสา : เห็นไหม นี่คนใกล้ตัวแท้ๆ จิตมนุษย์นี่ยากลึกหยั่งถึงจริงๆ
บุษบาบรรณ์ ยังคงสนทนาอยู่กับพิมาน
พิมาน : เมื่อกี้นี้ คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับว่า ความรู้สึกนึกคิดกับความทรงจำ มันจะเป็น ‘ความจริง’ ที่แน่แท้ได้ยังไงครับ ผมว่านะครับ มันก็ไม่ต่างไปจากฝันตอนที่เราหลับ พอตื่นขึ้นมามันก็จบไป
บุษบาบรรณ์ : แล้วความฝัน ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ ในชีวิตของคนเรารึเจ้าคะ
พิมาน : ฝัน มันก็แค่ฝันไป มันจับต้องไม่ได้เลย แล้วบางทีจิตเรามันก็ฟุ้งซ่านไปเอง จะเอาจริงเอาจังกับมันไม่ได้
บุษบาบรรณ์ : ถ้าเช่นนั้น จิตวิญญาณของคนเรา ก็ต้องมีจริงสิเจ้าคะ ถ้ามันจะฟุ้งซ่านไปเองได้ จริงไหมเจ้าคะ
พิมานเงียบไปชั่วขณะ : ก็คงจะจริง ผมลืมข้อนี้ไปสนิทเลย