บทละครโทรทัศน์ ซีรี่ส์เลือดมังกร หงส์ ตอนที่ 3 หน้า 4
หน้าร้านเถ้าแก่ไช้ หลิวยื่นถุงกระดาษใส่เห็ดหอมให้หงส์ “เห็ดหอมอย่างดีจากเมืองจีน... อั๊วฝากให้เฮียสุงด้วยนะ”
“อาป๊ารู้เข้าคงเกรงใจแย่”
“ไม่เป็นไรน่า คนอื่นคนไกลซะที่ไหน พี่น้องกันแท้ๆ”
“ขอบพระคุณค่ะ อาซิ่ม… ค่ำแล้ว หงส์ขอตัวกลับก่อน วันหลังจะแวะมาเยี่ยมใหม่”
หลิวพยักหน้ารับแล้วหันไปสั่งหลง “อาหลง ลื้อเดินเป็นเพื่อนไปส่งอาหงส์ให้อั๊วที”
“ครับ เถ้าแก่เนี้ย... เชิญคุณหนู...” หลงพินอบพิเทาจนหงส์อดยิ้มไม่ได้
หลงกับหงส์เดินไป หลิวยืนมองจนกระทั่งหลงลับสายตา แล้วผลุบหายเข้าไปในร้านทันที
หลิวเข้าในห้องพักคนงานของหลง กวาดตามองอย่างจับผิด หลิวเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อหาหลักฐานที่จะบอกว่าหลงเป็นใครกันแน่ หลิวหาจนเหนื่อย ไม่พบอะไรนอกจากเสื้อผ้าและเครื่องใช้จำเป็น หลิวนั่งลงที่เตียง ทันใดนั้นเท้าของหลิวก็กระทบเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้เตียง หลิวก้มลงหยิบกล่องไม้ที่หลงซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา มองอย่างแปลกใจ... มีอะไรอยู่ข้างใน หลิวเปิดกล่องไม้ออกเห็นรูปเหมย และของใช้ส่วนตัวของเหมยเช่นกำไลหยก ปิ่นปักผม หลิวค่อยวางใจ ไม่พบอะไรที่สื่อว่าหลงเป็นคนร้าย ทันใดนั้น หลิวเผลอทำกล่องใบนั้นหลุดมือ ร่วงลงพื้น เผยให้เห็นว่ากล่องใบนั้นเป็นกล่อง 2 ชั้น หลิวก้มลงหยิบกล่องขึ้นมา เปิดชั้นล่างดู หลิวเห็นว่าสิ่งที่อยู่ข้างใน ตาเบิกกว้าง !!!มีปืนอยู่ในกล่อง !
หลงเดินมาส่งหงส์ท่าทางพินอบพิเทาเหมือนนายกับบ่าว
“นายเป็นคนแถวนี้เหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อน”
“ผมเคยอยู่ที่นี่พักนึงแต่มันนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมเข้ามาหางานทำที่ “เยาวราช””
“นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าก่อนจะมาอยู่กับอาเจ็กไช้ นายทำงานอะไรมาก่อน”
“ผมขายกระเพาะปลาครับ”
“ดูจากการพูดการจาแล้วไม่น่าใช่... นายไม่ได้เป็นแค่คนขายกระเพาะปลาใช่มั้ยอาหลง... ถ้าคิดจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องไว้ใจกัน นายอย่ามีลับลมคมในกับฉันได้มั้ย”
หงส์จ้องตาหลง หลงรู้สึกใจอ่อนยวบ ชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตอบ “ผมเคยเป็นคนขับรถมาก่อน”
“แค่คนขับรถ ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย”
“เพราะคนที่ผมขับรถให้ไม่ใช่คนธรรมดา”
“ใคร”
หลงนึกถึงอดีตที่เสี่ยเล้ง บังคับให้เขาฝังจันทร์ชมพูทั้งเป็น “เรื่องมันยาว ไว้วันหลังผมจะเล่าให้คุณหนูฟัง…” หลงมาส่งหงส์หน้าโรงงิ้ว เห็นรถเสี่ยเกาจอดอยู่ มีซายืนคุ้มกันกับบอดี้การ์ดอีก 1 คนหน้าโรงงิ้ว “ดูเหมือนเถ้าแก่สุงคงกำลังมีแขกคนสำคัญ”
“เสี่ยเกามาที่นี่ทำไม ? อาหลง ฉันเข้าไปก่อนนะ”