บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 22 หน้า 5
“เจ้าอินทร์กระทำปาณาติบาตฆ่าฉัตรสุดาตายอย่างโหดเหี้ยม บุญบารมีที่มันสร้างขึ้นจากการรักษาศีลย่อมต้องเสื่อมถอยลงบ้าง เรายังพอมีหนทางที่จักสู้กับมันได้”
วัชระปราการสายตาเปี่ยมด้วยความอาฆาตแค้นเมืองอินทร์
ทางด้านสุภัทรถามอาจารย์ทัศนัยเรื่องศิลาจารึก “พบมั้ย?”
อาจารย์ทัศนัยหยิบแผ่นศิลาจารึกส่วนที่ 3 ที่ตนพบในถ้ำออกมาจากเป้ “ผมเจอมันในถ้ำ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ศิลาจารึกแผ่นเดียวกันหรือเปล่า”
ทศพลเพ่งมองที่ศิลาจารึก “ตัวอักษรบนแผ่นจารึกนี่เลือนรางจนแทบอ่านไม่ออก”
สุภัทรค่อยๆ ใช้มือปัดเศษดินที่ติดอยู่ออก ทำให้ลวดลายอักขระบนแผ่นศิลาปรากฏชัดขึ้น “ขอให้เป็นแผ่นเดียวกันทีเถอะ” สุภัทรไม่รอช้ารีบเอาแผ่นจารึกอีก 2 แผ่นมาเรียงประกอบกัน
“จารึกทั้ง 3 แผ่นเรียงประกอบกันได้พอดี เป็นแผ่นเดียวกันไม่ผิดแน่” อาจารย์ทัศนัยดีใจ
ทศพลกับสุภัทรต่างดีใจไม่แพ้กัน
“ในที่สุด ความลับของเมืองมรุกขครก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป”
สุภัทรน้ำเสียงตื่นเต้นเห็นด้วยกับทศพล “นี่คือการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีครั้งสำคัญ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่กำลังจะได้รับการจดบันทึก”
คำปองขายผักที่แผงในตลาด ร้องขายของจนคอแห้งแต่ก็ไม่มีคนซื้อ “ผักมั้ยจ๊ะ ผักสดๆ จ้ะ....ขี้เหล็กก็มี ผักขะแยงก็มี วันนี้ไม่เอาผักเหรอจ๊ะป้าเม้า”
เม้าส่ายหน้า เบ้ปาก แสดงทีท่ารังเกียจ กระถุ่งป้องปากซุบซิบนินทากับเม้าที่เดินมาด้วยกัน “อย่าไปซื้อ ผักมันมีเสนียดจัญไรเกาะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
คำปองได้ยินเสียงซุบซิบกระถุ่งที่ผ่านไป แต่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
กอเข้ามาหาคำปอง ส่งสายตาชีกอ นั่งเบียดกระแซะข้างๆ จนคำปองต้องกระถดหนี “พวกชาวบ้านเขาไม่ซื้อของเอ็งหรอก เขากลัวกินเข้าไปแล้วจะกลายเป็นงูเหมือนลูกสาวเอ็ง”
“ฉันเลี้ยงคำแก้วมากับมือตั้งแต่เล็กจนโต ใครจะหาว่าลูกฉันเป็นภูตผีปีศาจ ฉันไม่เชื่อทั้งนั้น” คำปองพูดไปก็เก็บผักใส่กระจาดไป
“ลูกเอ็งตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 19 ปีก่อน นังคำแก้วที่เอ็งเห็น ถูกเจ้าแม่นาคีสิงร่างอยู่ เมื่อไหร่เอ็งถึงจะเชื่อข้าเสียที”
“ถึงยังไง คำแก้วมันก็เป็นเลือดในอกฉัน ต่อให้มันเป็นผีสางคางแดงฉันก็ตัดมันไม่ขาด พี่กออย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”