บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 18 หน้า 13

เมืองอินทร์นั่งทำสมาธิอยู่ รู้สึกได้ว่ามีคนมา เมืองอินทร์ลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองเห็นหมออ่วมยืนกระหยี่มยิ้มย่อง แววตาเยาะเย้ยดูถูก
“มีอะไร”
“เปล๊า...ข้าแค่แวะมาบอกว่านังงูผีบริวารเจ้าแม่นาคีถูกข้ากำจัดเรียบร้อยแล้วโว้ย”
เมืองอินทร์หัวเราะในลำคอ “ไหนล่ะวะหลักฐาน ราคาคุยมากกว่าซะล่ะมั้ง”
หมออ่วมคิดว่าเมืองอินทร์ไม่เชื่อก็รีบยืนยัน “ข้าปราบนังงูปีศาจนั่นได้แล้วจริงๆ ถ้าไม่เชื่อเอ็งก็ไปถามกำนันแย้มดูสิวะ”
“ไหนบอกข้ามาซิว่าเอ็งกำจัดมันยังไง”
“ข้าก็เอาดาบเหล็กไหลของข้าฟันสะพายแล่งนังคำแก้วมันน่ะสิวะ”
เมืองอินทร์ได้ยินก็หัวเราะในลำคอ “โง่ ! โง่แล้วยังอวดฉลาด !”
“เอ็งด่าข้าทำไมวะ” หมออ่วมหัวเสีย
“จะฆ่านังปีศาจให้ตาย ต้องรอให้มันกลายร่างกลับคืนเป็นงูก่อนโว้ย ไม่อย่างงั้น มันจะถอดดวงจิตย้ายออกไปสิงร่างอื่นได้ รู้ไว้ซะ”
“นังคำแก้วมันกระเสือกกระสนไปตายที่กลางทุ่ง กำนันส่งคนให้โยนศพทิ้งลงหน้าผา มันจะไม่ตายได้ยังไง”
“คนที่เอ็งฆ่าคือร่างของนังคำแก้ว ส่วนนังงูผีมันก็ย้ายร่างหนีลงดิน พวกเอ็งน่ะหลงกลมันแล้ว”
หมออ่วมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชักลังเลว่าคำแก้วตายจริงหรือเปล่า
นาคีนอนอยู่บนแท่นบรรทมยังไม่รู้สึกตัว บาดแผลฉกรรจ์ เลือดแห้งกรัง เริ่มมีเกล็ดขึ้นตามตัว
เลื่อมประภัสร์เห็นตามตัวของนาคี เริ่มขึ้นเกล็ดหนาหยาบตามผิวหนังจะคืนร่างเป็นงู “ร่างกายของเจ้าแม่กำลังกลับคืนตามสัญชาติเดิม อานุภาพดาบเหล็กไหลรุนแรงกว่าที่ข้าคิด ข้าเกรงว่าเจ้าแม่จักทนพิษบาดแผลไม่ไหว”
“ข้าถวายโอสถแทบทุกขนานแล้ว แต่อาการเจ้าแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น มีแต่ทรงกับทรุด” ฉัตรสุดาสีหน้ากลัดกลุ้ม
“มีแต่ท่านท้าวศรีสุทโธนาคเท่านั้นที่จักทรงช่วยเจ้าแม่ได้”
“เพลานี้ท่านท้าวบำเพ็ญตบะฌานยังนครพรหมประกายโลก หากไม่มีรับสั่ง ก็ไม่โปรดให้ใครเข้าเฝ้า”
วัชระปราการเข้ามาขันอาสา “ข้าจักไปตามท่านท้าวศรีสุทโธนาคให้มาช่วยเจ้าแม่เอง”
“นครพรหมประกายโลก เป็นดินแดนสัปปายะที่พญานาคชั้นผู้ใหญ่ใช้ปลีกวิเวกบำเพ็ญเพียร งูบริวารอย่างพวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จักเข้าไปรุกล้ำกล้ำกราย” เลื่อมประภัสร์เอ่ยบอก
“หากท่านท้าวพิโรธ ท่านอาจได้รับโทษทัณฑ์แสนสาหัส” ฉัตรสุดาเตือน
“ข้าไม่มีทางเลือก” วัชระปราการเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี