รีเซต

บทละครโทรทัศน์ สามีตีตรา ตอนที่ 1 หน้า 5

บทละครโทรทัศน์ สามีตีตรา ตอนที่ 1 หน้า 5
13 กุมภาพันธ์ 2557 ( 17:47 )
4.6M
1
สามีตีตรา ตอนที่ 1
14 หน้า

นวลรีบรับคำแล้ววิ่งเข้าไปในครัว

 

“ก็ถ้าร้านนั้นมีคนจองแล้ว กั้งก็ไปที่ร้านอื่นสิ กั้งมีเงินซะอย่างจะจัดที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว” น้ำผึ้งพูดเสียงนิ่งๆ แต่แฝงนัยยะบางอย่างอยู่ลึกๆ

“ไม่ได้ !  กั้งต้องจัดร้านนั้น เพราะร้านนั้นเป็นร้านที่กั้งกับภูกินข้าวกันครั้งแรก และเป็นร้านที่เราสองคน” กะรัตกอดเอวอ้อนน้ำผึ้ง “..ชอบกินกันมาก”

“พูดถึงคุณภูอย่างนี้  แปลว่าหายโกรธคุณภูแล้วล่ะสิ”

“ไม่หายหรอก  แต่เราต้องทนมองหน้ามันไปทั้งชีวิต  อีกหน่อยถ้ามีลูก ไม่อยากให้ลูกเห็นแม่ปั้นหน้ายักษ์ใส่พ่อมัน”

น้ำผึ้งยิ้มนิ่งๆ แต่สายตาดูนิ่งไร้ความรู้สึก

“เพิ่งเคยได้ยินกั้งพูดเรื่องลูก  แต่งงานครั้งก่อนๆ ไม่เคยเห็นพูด”

“ก็มีคนเคยบอกว่าถ้าผู้ชายเจ้าชู้มีลูก เขาจะหยุดกะล่อน กั้งว่าจะให้เงินเขาสิบล้าน ..”

“สิบล้าน!”

“ใช่ ..กะว่าจะให้ภูตั้งบริษัทเอง แล้ววันนี้กั้งว่าจะคุยกับภูเรื่องจดทะเบียนสมรสด้วยนะ”

น้ำผึ้งชะงัก หน้าซีดขึ้นมาทันที “หวังว่าภูคงอยากจดนะ”

“อยากอยู่แล้วล่ะ !  จดทะเบียนกับกั้ง  มีแต่ได้กับได้ถ้าต้องจดกับพวกผู้หญิงที่มีแต่ตัวสิ คงไม่มีใครอยากจด  เรื่องนั้นช่างมันเถอะ  ผึ้งรีบเข้าไปแต่งตัวก่อนดีกว่า”

น้ำผึ้งแปลกใจ “ผึ้งแค่มาร่วมงานฉลอง  ไม่ต้องแต่งหรอก”

“ต้องแต่งสิ หน้าตาผึ้งดูซีดๆ กั้งบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปทำงานที่อื่นเลย ให้ย้ายมานั่งทำงานสบายๆที่บริษัทของกั้งก็ไม่เชื่อ รีบไปแต่งตัวเถอะ… กั้งมีบาง อย่างรอเซอร์ไพรส์ผึ้งอยู่”

กะรัตไม่ฟังคำค้านของสายน้ำผึ้ง ดึงมือน้ำผึ้งเข้าบ้าน น้ำผึ้งมองกะรัตด้วยความสงสัย

 

ในห้องแต่งตัว กะรัตจัดแจงสั่งช่างทำผมและช่างแต่งหน้า ดีไซน์เนอร์ให้จัดการแต่งหน้า แต่งผม และเลือกชุดให้น้ำผึ้ง โดยกะรัตไม่ใส่ใจมองว่าน้ำผึ้งต้องการ หรือไม่ต้องการอะไร กะรัตได้แต่สั่งให้น้ำผึ้งทำอย่างที่กะรัตต้องการเท่านั้น 

น้ำผึ้งที่แม้ปากยิ้ม แต่สายตาดูนิ่งสงบไม่ได้มีความสุขอย่างที่ทำหน้าตัวเองยิ้มแม้แต่นิดเดียว

 

ในร้านอาหาร คณะผู้ร่วมสัมมนา เหล่านักศึกษาต่างตักอาหารแบบบุฟเฟ่ต์แล้วเดินไปยืนที่ริมระเบียง เพื่อดูเหล่าพนักงานของร้านอาหารไปจัดสถานที่ไว้รอกะรัต  โดยมีเหล่าทีมงานของนิตยสาร GOODMORNING HISO มานั่งรอกะรัตอยู่แล้ว

พิศุทธิ์พาเด็กๆพิการเป็นใบ้ 5-7 คน เกาะไหล่เป็นขบวนรถไฟเข้ามา พิสุทธิ์ส่งเสียงเรียกทุกคนให้ หันมาต้อนรับเด็กๆ

“เด็กๆมาแล้วครับทุกคน”

คณะผู้ร่วมสัมมนา และกลุ่มนักศึกษาหันหน้าจากมองทีมงานนิตยสารที่อยู่ริมหาด มามองกลุ่มเด็กๆ

“ผมขอเป็นตัวแทนของเด็กๆ  ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสัมมนาและ ร่วมกับรวบรวมเงินเพื่อพาน้องๆมาเที่ยวทะเล  นอกจากเราจะได้เพื่อน ได้ความรู้แล้ว ครั้งนี้เรายังได้สร้างความสุขให้หัวใจของน้องๆด้วย ขอบคุณมากๆครับ”

พิศุทธิ์หันไปทำมือเป็นภาษาใบ้กับเด็กๆเพื่อให้เด็กยกมือขอบคุณทุกคน เด็กๆยกมือขอบคุณทุกคน ทุกคนปรบมือให้เด็กๆ  แล้วต่างเข้ามาช่วยกันจูงเด็กๆไปเลือกตักอาหาร

พิศุทธิ์พาเด็กๆมาที่โต๊ะอาหาร

ผู้ร่วมสัมมนาเดินมาพูดคุยกับพิศุทธิ์ด้วยความชื่นชม

“ผมชื่นชมคุณชายจริงๆ  นอกจากทำงานหนักแล้ว  ยังเป็นจิตอาสาคอยดูแลเด็กๆพวกนี้อีก  ไม่เหนื่อยบ้างเหรอครับ?”

“การได้ดูแลเด็กๆพวกนี้นี่แหละครับ  คือการพักผ่อนของผม  สำหรับคนอื่น..ถ้ามีเวลาก็ออกไปดูหนัง กินข้าว อ่านหนังสือ หาความสุขให้ตัวเอง แต่ความสุขของผม ไม่ต้องใช้เงิน แค่ใช้ใจทำให้คนอื่นมี ความสุข  นั่นคือการหาความสุขให้ตัวผมแล้วครับ”

“คุณชายเป็นผู้ชายที่มีดีทั้งภายนอกทั้งภายใน  ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่ายังจะเป็นโสดอยู่”

พิศุทธิ์ยิ้มขำๆ “เนื้อคู่ผมอาจยังไม่เกิดมั้งครับ”

“อย่าทำเป็นพูดเล่นไปนะครับคุณชาย  เรื่องแบบนี้..เวลาเราอยากเจอมันจะไม่ค่อยเจอ  แต่เวลาที่เราไม่คิดว่าจะเจอ เราอาจจะเจออย่างคาดไม่ถึงก็ได้นะครับ”

ทันใดนั้นได้ยินเสียงกลุ่มนักศึกษาที่ยืนมองวิวริมหาดพูดเสียงเซ็งแซ่ ชี้ชวนกันดูไปที่ริมหาด

พิศุทธิ์เดินไปมองตามกลุ่มนักศึกษาไปที่ริมชายหาด

 


14 หน้า