บทละครโทรทัศน์ เกมเสน่หา ตอนที่ 1 หน้า 5

ภายในสำนักงานเขต เสียงโทรศัพท์ดัง วิสาขาหันมาป้องปากคุยโทรศัพท์กับเหมือนชนก
“ว่าไงจ้ะลูก เดี๋ยวแม่เซลฟี่รูปสวีทๆ ส่งไปให้ดูนะ อย่ามาอิจฉาล่ะ” วิสาขาหัวเราะร่วน
“แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ แต่แค่นี้ก่อนนะ ทำเล็บอยู่” วิสาขาจูบโทรศัพท์ “มั่วะๆๆ”
พอวางสายแล้วสีหน้ายิ้มแย้มของวิสาขาก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง วิสาขาหันหน้ากลับมา เห็นว่าจริงๆ วิสาขานั่งอยู่ข้างธวัช ทั้งสองต่างมองไปยังเจ้าหน้าที่เขตที่นั่งอีกฝั่งโต๊ะ เจ้าหน้าที่ถาม “เอ่อ ..เซ็นได้แล้วใช่มั้ยครับ?”
ทั้งสองตอบรับ ต่างคนต่างหยิบปากกา จรดที่เอกสารตรงหน้าของตน ใบสำคัญการหย่า มือทั้งสองค้างที่ช่องลายเซ็น แต่ไม่เซ็นซักที “คุณแน่ใจเหรอ? .... ว่ายัยนกจะรับได้”
ธวัชชะงักไป...มีอาการลังเลขึ้นวูบหนึ่ง วิสาขาก็มีอาการหน่วงในสีหน้าไปด้วย “ผมว่าไม่”
ทั้งคู่สบตากันเหมือนจะเปลี่ยนใจ เจ้าหน้าที่มองอย่างเอือมๆ เขาเอื้อมมือไปจะดึงใบหย่าเก็บกลับมา....แต่แล้วทั้งสองคนก็ตะปบไว้ แล้วก้มลงเซ็นชื่อทันที....ทั้งสองถอนใจ ทั้งใจหาย และโล่งอก...
“การหย่าร้างต้องมีพยานเซ็นรับรู้ด้วยสองคนนะครับ คุณมีพยานมาด้วยรึเปล่า”
วิสาขาหันไปโต๊ะข้างๆ ซึ่งมีคู่แต่งงานใหม่ถือทะเบียนสมรสใส่ปกไว้คู่กัน ให้เจ้าหน้าที่เขตอีกคนถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึก
“น้องๆคะ พอน้องจดทะเบียนสมรสเสร็จแล้ว มาเซ็นเป็นพยานในการหย่าให้พี่ทีนะคะ”
วิสาขายิ้มหวาน ธวัชมองเจ้าหน้าที่ที่อ้าปากหวอ....ฝืนยิ้มตามอดีตภรรยา
ภายในร้านอาหารหรู วิสาขาและธวัชนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน....ธวัชทานโดยไม่มองหน้าวิสาขา วิสาขาเหลือบมองสามี “ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าเมื่อ 25 ปีก่อน ฉันตอบตกลงแต่งงานกับคุณที่นี่”
ธวัชชะงักไป มองวิสาขา....ที่เอ่ยถึงความหลัง แล้วแววตาพลันอ่อนลง....วิสาขาเบะปาก “คิดผิด !!!”
ธวัชชะงัก “ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคุณพูดจาแบบนี้ แต่ผมก็ทนมาได้ ตั้ง 25 ปี” ธวัชจะกินต่อ
วิสาขาจี๊ด ปาผ้าเช็ดปาก “พูดผิดรึเปล่า! ฉันต่างหากที่ต้องทน อยู่กับคนคร่ำครึ บ้างาน ไร้อารมณ์ ตอนเนี๊ยะ ไม่แม้แต่นาทีเดียวที่ฉันอยากจะทน!”
ธวัชรวบช้อน “เรามาเซลฟี่กัน ส่งให้ลูกดู แล้วแยกย้ายเลยดีมั้ย”
“ดี ! เพิ่งจะพูดอะไรเข้าท่าก็ตอนนี้แหละ ฉันก็มีนัดสำคัญกับเพื่อนๆต้องรีบไปเหมือนกัน”
วิสาขาขยับเข้าไปชิดธวัช ในหน้าจอมือถือ เห็นทั้งสองหน้าชิดกัน แต่สีหน้าดูไม่เต็มใจ
วิสาขายิ้มยิงฟัน “ทำหน้าให้ดูรักๆ กันหน่อย”
ในหน้าจอมือถือ ต่างคนต่างยิ้มกว้าง “หนึ่ง....สอง”