บทละครโทรทัศน์ นายฮ้อยทมิฬ ตอน 9 หน้า 3
บริเวณหน้ากระท่อมเฒ่าโสม คำแก้วแอบย่องเงียบๆมาด้อมๆมองๆไปที่กระท่อม เห็นเฒ่าโสมกำลังนอน สูบยา
มีสาวๆชาวบ้านหน้าตาจิ้มลิ้มคอยบีบนวดให้ เฒ่าโสมดูผ่อนคลายและหยอกล้อกับเด็กสาว บ้างดึงมาหอมแก้ม บ้างดึงมากอดจูบ สาวๆร้องวี้ดว้ายเขินอาย คำแก้วเฝ้าแอบดูด้วยสีหน้าสงสัยและรู้สึกรังเกียจ
“ตาเฒ่า!! สันดานบ่น่าเข้าใกล้จังซี้ ชีวิตข้อยสิหวังพึ่งมันได้จังได๋ล่ะเอื้อยคำแพง”
คำแก้วยิ่งได้เห็นพฤติกรรมของเฒ่าโสมแล้วก็ยิ่งถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาข้างหลัง
คำแก้วจิกหน้าเข้มเอาเรื่อง คิดว่าเป็นพวกลูกน้องเฒ่าโสม พอเสียงเดินเข้ามาประชิดหลังคำแก้วหันขวับพร้อม มีดพกสั้นที่เหน็บเอวอยู่ตวัดจะแทงใส่ทันที หมับ !!! นายฮ้อยเคนหลบคมมีดในมือคำแก้วได้อย่างง่ายดายและจับข้อมือคำแก้วไว้แน่น
“กว่าสิพ้อโตเจ้า ก็เฮ็ดเอาพวกอ้ายต้องบาดเจ็บวุ่นวายไปทั้งทัพควาย เหิงปานได๋เจ้าสิ เซาหาเรื่องใส่โตซะทีคำแก้ว!!”
“ข้อยบ่ได้หาเรื่องให้..อ้ายต่างหากมาตามข้อยเอง ทั้งๆที่ข้อยก็เว้าแล้วว่าทางไผทางมัน”
“นี่เจ้ายังกล้าเถียงหน้าด้านๆอีก..ดื้อแต่เล็กจนโต อย่าให้อ้ายเหลืออดหลายกว่านี้”
“อดบ่ไหวก็ไปโลด!! ข้อยกะขี้คร้านทนเหม็นน้ำลายอ้ายอีกแล้วคือกัน”
“คำแก้ว !!”
นายฮ้อยเคนโมโหจับข้อมือคำแก้วบิดแรงจนมีดตกพื้น คำแก้วสะดุ้งร้องเจ็บลั่น...โอ๊ย !!!!!
เฒ่าโสมที่กำลังกอดรัดนัวเนียอยู่กับสาวๆหยุดชะงัก มองมาที่หน้าบ้านด้วยความสงสัย นายฮ้อยเคนรีบดึงคำแก้วมาชิดตัวแล้วเอามือปิดปากคำแก้วไม่ให้ส่งเสียงร้อง
“เงียบ !! อ้ายมีเรื่องต้องสะสางกับเจ้า คั่นยังบ่หยุดโวยวาย เจ้าสิโดนจับตีดากให้นั่งบ่ ลงไปอีกหลายมื้อแน่..อยากลองบ่คำแก้ว !!” คำแก้วชะงักหน้าเสียปนเจ็บใจ
นายฮ้อยเคนพาคำแก้วเข้ามาที่กองฟาง เพราะบริเวณนี้ค่อนข้างปลอดคน คำแก้วเสียงอู้อี้
“ปล่อยข้อยได้แล้ว..บอกให้ปล่อย !!!”
นายฮ้อยเคนยังไม่ยอมปล่อยมือ คำแก้วเลยฮึดแรงสะบัดแล้วจับมือนายฮ้อยเคนมากัดเข้าเต็มๆคำ..งั่ม !!!
“โอ๊ย !! เล่นกัดอ้ายจังซี้เลยเบาะคำแก้ว ปากคนหรือปาก...”
“อ้ายเคน !! คั่นยังว่าข้อยอีก ต่อให้มีอาคมหนังเหนียวปานได๋ข่อยก็บ่ย่าน สิกัด อ้ายให้เลือดสาดโลด”
“หึ !! อาคมอ้าย คมมีดยังบ่ระคายผิว คั่นเจ้าบ่ย่านแข่วหักเบิดปากก็เอาโลด ปากเจ้าสิ ได้เหมือนปากยายเฒ่า..กินได้แต่น้ำข้าวต้ม..ฮ่าๆๆ” นายฮ้อยเคนหัวเราะทับถม คำแก้วเลยยิ่งโมโหคว้าฟางขึ้นมาปาใส่ไม่หยุด
“อ้ายเคนบ้า ให้อาคมเข้าโตอ้ายบ้างเถาะ..ข้อยสิหัวเราะเยาะคืนบ้าง”