บทละครโทรทัศน์ บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 15
ภายในบริเวณวัด ปานรุ้งอุ้มปานเทพเดินคุยกับเกื้อและกอบ เกื้อมองปานรุ้งที่เดินนำหน้า ซึ่งตอนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆเท่าที่พอจะมี ผมไม่ได้จัดทรง เรียบง่ายต่างจากคุณหนูปานรุ้งที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต กอบมองหน้าเกื้ออย่างไม่อยากคิดว่าคนอย่างปานรุ้งจะอยู่วัด เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากเชื่อ
กอบพูดอย่างอึกอัก เหมือนคนไม่รู้จะหาคำพูดไหนเหมาะจะถาม “ไม่คิดเลย ว่าจะเจอคุณหนูที่นี่”
ปานรุ้งชะงักนิดนึง แม้ชีวิตจะตกต่ำ แต่เธอก็รู้สึกกระดากที่จะให้กอบกับเกื้อรู้ความจริง จึงพูดโกหกให้ตัวเองยังดูมีค่าอยู่บ้าง “ก็บ้านญาติฉันอยู่แถวนี้ พอไม่มีอะไรทำ ฉันก็เลยมาทำบุญ ช่วยงานวัด ..ก็อย่างว่า ญาติฉันเขาไม่ยอมให้ฉันทำอะไร เขาอยากให้ฉันอยู่อย่างสบาย”
กลุ่มเด็กวัด 3-5 คน ช่วยกันแบกกระสอบใส่กระป๋องเก่าๆ กระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ซึ่งเป็นของที่ปานรุ้งเก็บจากถังขยะมาซ่อนไว้เพื่อไปขาย
เมื่อปานรุ้งเห็นกลุ่มเด็กวัดกำลังขโมยของของตัวเอง จึงรีบวิ่งเข้าไปดึงกระสอบใส่กระป๋องเก่าๆ ไว้ เกื้อกับกอบมองปานรุ้งอย่างชะงัก งงว่าเกิดอะไรขึ้น
ปานรุ้งตวาดเสียงดัง “ขโมยของของฉันอีกแล้วเหรอ !! บอกแล้วใช่ไหม ถ้าอยากได้ก็ไปเก็บเอาเอง ! ..อย่ามายุ่งของของฉัน !” หญิงสาวกระชากกระสอบใส่กระป๋องจากเด็กวัด และเดินไปกระชากมัดหนังสือพิมพ์เก่าคืนมาด้วย
เด็กวัดพูดกวนตีน “แค่นี้งก ! เคยอดข้าวทั้งวันไม่เข็ดใช่ไหมป้า ! ..คอยดู !..พรุ่งนี้เช้า อย่าหวังจะได้กินข้าวก้นบาตรเลย ไปเว้ย !” ! กลุ่มเด็กวัดเดินออกไป
ปานรุ้งทั้งอุ้มลูกและเก็บกระป๋องที่หล่นจากกระสอบ มาใส่กระสอบ แล้วเห็นกระป๋องหล่นตรงหน้าเกื้อและกอบ ปานรุ้งชะงัก “คงไม่คิดสินะ ..ว่าคนอย่างปานรุ้ง สมุทรเทวาจะตกต่ำมาอาศัยวัด .. เก็บขยะขาย แย่งข้าวเด็กวัดกิน” หญิงสาวพูดไปก็แทบจะร้องไห้กับชะตาชีวิตตัวเอง “ ..ทำยังไงได้ล่ะ ไปขอใครเขาอยู่ ..เขาก็ไม่ให้อยู่”
กอบรู้สึกเจ็บและโกรธแทนปานรุ้ง “ทำไมล่ะครับ? ..ตอนคุณนายอยู่ ใครเดือดร้อน คุณนายก็ช่วยไม่เคยเกี่ยง แล้วทำไมทีคุณหนู”
“เพราะฉันไม่ใช่แม่ และฉันก็ไม่มีอะไรให้เขา ไปอยู่กับใคร.. ฉันกับลูกก็ไปเป็นภาระเขาเปล่าๆ” ปานรุ้งเอ่ยอย่างเจ็บปวด
“จะเป็นภาระได้ยังไง คุณหนูเรียนจบตั้งเมืองนอก ใครๆก็อยากรับคุณหนูทำงาน” กอบเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
ปานรุ้งฟังกอบพูด ยิ่งรู้สึกเจ็บกว่าเดิม“นอกจากฉันจะโกหกแม่เรื่องไม่ได้เรียนบริหารแล้ว ฉันยังโกหกว่าฉันเรียนจบด้วย”
เกื้อกับกอบมองปานรุ้งอย่างชะงัก “แปลว่าคุณหนู .....”
ปานรุ้งเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำ “ฉันเรียนไม่จบ”