บทละครโทรทัศน์ พลับพลึงสีชมพู ตอนที่ 17 หน้า 3
โรงแรมพิสิฐ น้ำมนต์นั่งมองดูพ่อลูกเถียงกัน สโรชาหน้าง้ำ “จะให้ลูกมาเดี๋ยวนี้ได้ยังไง ลูกไม่ได้ร่ำลาใครเลยนะคะป๊า .. เอ้อ .. คือ ..อยู่ๆ ป๊าสั่งให้มาวันนี้เลย ลูกก็ไม่ทันตั้งตัว .. เอ่อ ..คุณวิศรุตเขาก็ขาดคนทำงานไปคนนึง”
“ฮื๊ย.. แล้วเขาก็หาคนใหม่ได้น่า..โน่น ดูปฏิทินซิ มันเดือนอะไรแล้ว มันครบเวลาที่ป๊าอนุญาตให้ลูกไปเล่นสนุกแล้ว ที่สำคัญ คือพระองค์หญิงทรงขายที่ให้เราแล้ว รับสั่งให้เราไปรับโอนที่ดิน ป๊าให้ฝ่ายกฏหมายเขาจัดการเอกสารไว้แล้ว”
“ก็ให้เขาทำไป ลูกทำแผนตลาดไว้ให้แล้วไงคะ แค่ซื้อขายที่ดินลูกต้องทำอะไรล่ะ”
“โครงการนี้ป๊าให้ลูกดูแล ลูกต้องเซ็นชื่อเป็นผู้ซื้อ เจ้าหน้าที่เขานัดที่วังเทวาสถิตย์”
“เข้าวังเหรอคะ?” สโรชาค่อยๆคิดถึงการเข้าวัง ว่าจะได้ไปทำสิ่งที่ตั้งใจ ลุกยืนยิ้มจนพิสิฐงง“ก็ดีค่ะ” สโรชาพึมพำเบาๆ “ลูกจะได้เข้าไปดูอะไรบางอย่าง..” สโรชาหันไปหาพ่อ “แต่ป๊าคะ เรื่องออกจากโฮมสเตย์เรือนพลับพลึงตอนนี้น่ะ ลูกขอ..”
พิสิฐดุ “ไม่ได้ พอแล้ว หมดเวลาฝึกงานแล้ว พ่อไม่ยอมให้ลูกแต่งตัวกะเร้อกะรัง พิลึกคนเป็นเหมดแบบนี้อีกต่อไปแล้ว กลับบ้าน .. ทำงาน”
สโรชาหน้ามุ่ย เดินมาหาน้ำมนต์ อยากให้ช่วย น้ำมนต์เมิน ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ช่วย
ทางเดินในโรงแรม สโรชา น้ำมนต์สองสาวเดินเถียงกันมาตามทาง น้ำมนต์แต่งตัวสวยตามปกติ สโรชายังคงสภาพพลับพลึง “แกนะ ไม่ช่วยชั้นเลย”
“ช่วยอะไรล่ะ คุณป๊าดุชั้นตั้งกระบุง ว่าให้ชั้นไปลากแกมาตั้งนาน มัวชักช้าตามใจเพื่อนไม่เข้าท่า .. แล้วพอรู้ว่าแกไปเกาะกับคุณวิศรุต ..ป๊าก็อึ้งไปเลยนะ !!”
“แต่ชั้นก็ส่งรายงานในส่วนของชั้นนะ แกได้อ่านมั้ย”
“เออ อ่าน ถามจริง แกไปโรแมนติกอะไรกับคุณวิศรุตที่เกาะนั่นบ้างป่าว”
“บ้า!!” สโรชาหน้าแดง อยากเล่าแต่กัดปากไว้ เดินจ้ำอ้าวไปดื้อๆ
น้ำมนต์เดินตาม “เดินหนีดื้อๆ กลับมาเล่าให้ชั้นฟังก่อนเดี๋ยวนี้นะ”
แก้วกิริยาถือแฟ้มเอกสารมา จะเรียกน้ำมนต์ แต่ไม่ทัน “ว้า ไม่ทัน .. คุณน้ำมนต์ไปกะใครน่ะ ?” แก้วกิริยาชะเง้อ เห็นเจ้านายเดินลากแขนผู้หญิงคนหนึ่งไป
แก้วกิริยาเดินกลับมาถึงหน้าห้อง เจอสุทิศยืนรอ “มีอะไรเหรอคะ”
สุทิศส่งกล่องกระดาษสีสวยมีโบว์ ให้แก้วกิริยา “ของฝากจากทะเลครับ ผมลาพักร้อนไปเที่ยวมา”
แก้วกิริยารับไว้ “ขอบคุณค่ะ”
“ขอให้อร่อยนะครับ ผมไปเข้าเวรก่อน” สุทิศถอยออก รีบไป
แก้วกิริยาเปิดฝากล่องสวย พบปลาหมึกแห้งนอนเรียงเป็นระเบียบอยู่ในถุงพลาสติกใสก็ยิ้มขำ