บทละครโทรทัศน์ เพลิงบุญ ตอน 2 หน้า 2
มาลีตอบนิ่งๆ ยิ้มๆ เย็นๆ “หนูเริงเค้าขอให้ฤกษ์มาสอนวาดรูปให้น่ะค่ะ เทอมหน้าจะมีวิชาแฟชั่นดีซง ดีไซน์อะไรสักอย่าง ต้องใช้ทักษะการวาดรูป เลยให้ฤกษ์มาช่วยสอนวิชาวาดรูปพื้นฐาน”
“แล้วทำไมต้องเป็นที่บ้านคุณมาลี แล้วทำไมต้องให้หนูพิมไปนั่งอยู่ด้วย” ผ่องใสมองไปที่สวนด้วยความไม่พอใจอย่างแรง
“ฉันว่าเด็กคนนี้จริตจกร้านเกินอายุ ดูสิ หูตา แพรวพราว เห็นแล้วสงสารหนูพิม ต้องไปนั่งเป็นแท่งหิน ให้เค้ากระเซ้าเย้าแหย่กัน คุณฤกษ์ก็พอกัน โตแล้วยังไปนั่งเล่นเป็นเด็กๆ” ผ่องใสบ่นยาวววว มาลีฟังแล้วก็ทำใจ
“อย่าไปว่าฤกษ์เลยค่ะ พี่คงอยากสอนน้อง”
“แต่น้องนี่สิคะ..อยากจะเรียนเอาวิชาความรู้ หรือว่าจะเรียน “เอา” อย่างอื่น !!” ผ่องใสพูดดักคออย่างรู้ทัน
บ้านพิม ใจเริงเดินออกมาจากห้องน้ำ ยืนหน้ากระจก ล้างมือ เช็ดมือและหยิบลิปสติกมาเติม ด้านหลังเห็นผ่องใสเดินเข้ามา หยุดยืนมอง ใจเริงยิ้มให้แปลกใจนิดๆ ผ่องใสยิ้มรับนิดๆ และพูดด้วยความเมตตา “สวัสดีจ้ะ .. หนูชื่อใจเริงใช่มั้ยจ๊ะ?”
ใจเริงหันมายิ้มรับ “ใจค่ะ คุณน้าเป็นญาติพิมเหรอคะ?”
“เปล่าจ้ะ” ใจเริงแปลกใจ “น้าเป็นแม่เลี้ยงของคุณฤกษ์”
ใจเริงยกมือไหว้ “อ๋อออ สวัสดีค่ะ คุณน้าผ่องใส ใช่มั้ยคะ พี่ฤกษ์พูดถึงน้าผ่องบ่อยมากกก” ใจเริงลากเสียง
“บอกว่าทำอาหารอร่อย ชวนเริงไปทานข้าวที่บ้านอยู่เรื่อยเลยค่ะ เดี๋ยวคงต้องไปรบกวนสักมื้อนะคะ”
ใจเริงชวนคุยฉอเลาะ ร่าเริง เฟรนด์ลี่ตามสไตล์ ผ่องใสยิ้มรับนิดๆ แล้วก็พูดเสียงนิ่มๆ
“ได้เลยจ้ะ ยินดี .. เพื่อนคุณฤกษ์ก็เหมือนลูกเหมือนหลานน้าอยู่แล้ว” ผ่องใสมองใจเริงแล้วชม “หนูใจเริงเป็นคนน่ารักนะคะ ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นคนใจกว้าง” ใจเริงยิ้มรับ ผ่องใสพูดต่อ
“น้าก็เลยอยากเตือนอะไรหนูสักอย่าง...กับคุณฤกษ์น่ะ อย่าทำตัวสนิทชิดเชื้อกับเค้าให้มากนัก เขาเป็นหนุ่ม เราก็สาวมันไม่เหมาะ” ใจเริงหุบยิ้ม จี๊ดเลย ... ไม่เคยมีใครด่า ใจเริงชักสีหน้ามองผ่องใสตาแข็ง
“ยิ่งมาจู๋จี๋กระหนุงกระหนิงกันที่บ้านคนอื่นแบบนี้ มันไม่สมควร เกรงใจเจ้าของบ้านเค้า เอาอย่างนี้มั้ยจ๊ะ .. ถ้าอยากให้คุณฤกษ์สอนวาดรูป ไปเรียนกันที่บ้านมั้ย ? เดี๋ยวน้าบอกคุณฤทธิ์ให้ จะจัดเตรียมอาหารไว้ให้ด้วย” ผ่องใสยิ้ม “ดีมั้ยจ๊ะ”
ใจเริงในใจร้อนเร่าๆ แต่ยิ้มหวาน ตาจิก .. และพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะดี “เริงขอบคุณน้าผ่องมากๆเลยค่ะ ที่แนะนำ” ผ่องใสยิ้ม “ฟังแล้วไม่แปลกใจเลย ทำไมน้าผ่องถึง “จับ” พ่อพี่ฤกษ์แต่งงานได้ ทั้งที่ภรรยาเพิ่งเสียไปไม่กี่ปี” ผ่องใสหุบยิ้ม “เอ๊ะ”
ใจเริงพูดต่อยิ้มๆ น้ำเสียงชื่นชม แววตาเชือด “เพราะใจกล้าบุกเข้าหาผู้ชายแบบนี้นี่เอง ถึงได้ไต่เต้า จาก “แม่บ้าน” มาเป็น “แม่เลี้ยง” ได้อย่างรวดเร็ว .. ดีออกนะคะ !!!” ผ่องใสช็อค หน้าชา !!!! อึ้งอยู่ เถียงไม่ออก ใจเริงรีบพูดต่อ ไม่ให้ตั้งตัว
“แต่เริงใจไม่กล้าพอหรอกค่ะ อยู่ๆจะให้เข้าไปกระหนุงกระหนิงกันในบ้านผู้ชาย เริงอายเค้าค่ะ แค่มานั่งคุยกันที่บ้านเพื่อน ยังมีคนจิตใจไม่ดี คิด “ต่ำๆ” กับเรา .. ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำนะคะ.แต่เริงขอไม่รับค่ะ”
ใจเริงจะเดินกลับไป ผ่องใสยังช็อคอยู่ เหวอ ใจเริงนึกได้ หันมาย้ำอีกที
“ลืมบอกไป..เริงใจกว้าง แต่เตือนไม่ได้นะคะ พ่อแม่พูดเริงยังไม่เชื่อเลย คุณน้าเก็บคำสอนไว้ใช้กับคนอื่นเถอะค่ะ โดยเฉพาะ