บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 22 หน้า 4
เป้ายิ้มกระเซ้า “ก็ฉันนึกว่าแม่แมงเม่า จะมัวแต่คิดหาคำตอบให้ออกญาวังจนไม่มีแก่ใจจะทำกระไรเสียอีกน่ะซี” แมงเม่าตกใจ จ้องหน้าเพื่อนเขม็งที่รู้เรื่องนี้ เป้าตีหน้าตาย
“ไม่ใช่ความผิดฉันนะ ออกพระศรีเป็นคนชวนฉันแอบฟังต่างหาก”
แมงเม่าตกใจหนักกว่าเดิม “ออกพระศรีก็รู้ด้วยรึ” แมงเม่าตั้งสติได้ก็ฉุนเพื่อน เลยเข้าไปหยิกตีเป้าทันที
เป้าปัดป้องพัลวัน “โอ๊ยๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายเสียหน่อย ทำไมต้องโกรธฉันด้วยเล่า”
แมงเม่าเจ็บใจ “แอบฟังคนอื่น แล้วยังมากล้าพูดอีกรึ ร้ายกาจขึ้นทุกวันนะแม่คนนี้”
แมงเม่าไล่หยิกเป้า เป้าก็ปัดป้องไปมา ทันใดนั้นแมงเม่าก็ชะงักไป เห็นเลื่อนเดินลับๆล่อๆ มองซ้ายมองขวา
ไปตลอดทาง ห่างออกไปพอสมควร เป้าแปลกใจ มองตามสายตาแมงเม่า “พี่เลื่อน”
เป้าหันไปมองหน้าแมงเม่า “มีกระไรรึ”
“ทั้งวังกำลังวุ่นวาย แม่เลื่อนก็ไม่ใช่คนกล้าหาญกระไร แล้วเหตุใดเพลานี้ถึงไม่อยู่ในตำหนัก”
แมงเม่ามองตามเลื่อนไป ด้วยความสงสัยอย่างมาก ก่อนจะลอบเดินตามไปห่างๆ เป้าพยายามเรียกทัดทานเพื่อน “แม่แมงเม่า...” เสียงปืนใหญ่ระเบิดตูมขึ้นอีกครั้ง แมงเม่าชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้กลัวอะไร รีบสะกดรอยตามเลื่อนไป เป้าถอนใจส่ายหน้า แต่ก็รีบเดินตามแมงเม่าไปด้วยความเป็นห่วง
หน้าครัวหลวง เลื่อนลับๆล่อๆ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะเปิดประตูครัวหลวงเข้าไป แมงเม่าและเป้ากำลังแอบดูอยู่ เป้าแปลกใจ “พี่เลื่อนเข้าไปทำกระไรในครัวหลวง คงไม่ได้หิวขึ้นมาตอนนี้กระมัง”
“เสียงปืนใหญ่ยังไม่ซาดี ใครจะมีแก่ใจกินเข้าไปลง แลครัวหลวงมีไว้ทำพระกระยาหารถวายเท่านั้น พี่เลื่อนยิ่งไม่น่ามีกิจอันใดต้องเข้าไป” ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงขันทองดังขึ้น “ทำกระไรกัน”
แมงเม่า และเป้า สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ อุทานพร้อมกัน “คุณพระ”
แมงเม่า เป้าหันกลับไป เห็นขันทองยืนจ้องพวกตนหน้าตาบึ้งตึง “ก็ฉันน่ะซี จะเรียกทำไม”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่คุณพระศรี แต่เป็นคุณพระช่วยเจ้าค่ะ”
ขันทองตัดบท “เอาเถิดๆ รีบกลับไปตำหนักได้แล้ว เสียงปืนดังราวกับอยู่ข้างวัง ยังจะเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่อีก”
“ยังกลับไม่ได้เจ้าค่ะ มีเรื่องน่าสงสัย ที่ต้องให้ออกพระช่วยก่อนเจ้าค่ะ”
ขันทองมองแมงเม่าด้วยความแปลกใจ เวลาอย่างงี้ยังจะมีอะไรอีก
ในครัวหลวง เลื่อนมองไปรอบๆ หยิบโน่นหยิบนี่ด้วยความกระวนกระวาย เพื่อจะวางยาเสน่ห์แต่ก็ไม่รู้จะวางที่ไหนดีถึงจะได้ผลแน่นอน เลื่อนเครียดหนักมาก บ่นพึมพำ “จะต้องทำอย่างไรเล่านี่”