บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 13 หน้า 3
พระยาพลเทพยิ้มขำๆ ชี้หน้ากล้า “เข็ดหรือยังเล่าอ้ายบ้าตัณหา นี่ถ้าไม่เห็นว่าหัวพันพ่อ เอ็งรับใช้ข้ามานานปี แลมีเอ็งเป็นลูกชายคนเดียว ข้าปล่อยให้เอ็งอยู่กับหมาไปแล้ว”
กล้าก้มลงกราบ “เป็นพระคุณเหลือเกินขอรับท่านเจ้าคุณ กระผมสาบานว่าจะรับใช้ท่านเจ้าคุณไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่ขอท่านเจ้าคุณ ได้โปรดช่วยพ่อกระผมอีกสักคนเถิดขอรับ”
“ช่วยพ่อเอ็งนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย ด้วยเพลานี้มีการเปลี่ยนกฎบัตรกฎหมาย ให้ใช้การปรับแลยึดทรัพย์แทนการลงโทษได้ พ่อเอ็งก็เพียงแต่เสียเงินทองเป็นค่าปรับ เท่านี้ก็พ้นผิดแล้ว” กล้ายิ้มดีใจ
ขุนแผลงฤทธิ์เปรย “แต่โทษเอ็งนั้นหนักหนากว่า ด้วยทำร้ายขุนนางผู้ใหญ่ แลเอ็งก็หาได้มีทรัพย์สมบัติเหมือนพ่อเอ็งให้ปรับไม่ ฉะนั้น เอ็งอยู่รับใช้ท่านเจ้าคุณที่นี่ อย่าออกไปเพ่นพ่านก็แล้วกัน”
กล้าหน้าจ๋อยลงไป “ขอรับ”
จมื่นศรีสรรักษ์ถอนใจเฮือกใหญ่ “วุ่นวายกันไปหมด เพราะความโง่เง่าของเอ็งแท้ๆ อ้ายกล้า ข้าบอกแล้ว ว่าสักวันเอ็งต้องตายเพราะ ผู้หญิง ผิดปากข้าหรือไม่เล่า”
กล้าจ๋อยสุดๆ “พุทโธ่ คุณพระนายขอรับ อันที่จริง เรื่องจะไม่เป็นเช่นนี้เลย แลอ้ายออกญาวังก็คงเป็นผีเฝ้าทางไปแล้ว ถ้าอ้ายขันทีนั่นมันไม่เข้ามาขวาง”
จมื่นศรีสรรักษ์แปลกใจ “ขันทีรึ”
“ขอรับ กระผมได้ยินนังแมงเม่าเรียกว่า “ออกพระศรี” ดูการแต่งกายแล้ว เป็นขันทีในราชสำนักเป็นแน่ขอรับ”
“คุณพระศรีขันทินน่ะรึ” ขุนแผลงฤทธิ์เบะปากดูถูก “หน้าตาราวกับตุ๊กตาฝาหรั่ง จะมีปัญญากระไรเล่นงานเอ็งกับลูกน้อง เอ็งจะแก้ตัว ก็หากระไรที่มันเข้าท่ากว่านี้หน่อยเถิด”
“กระผมพูดจริงนะขอรับท่านขุน” กล้ายกมือไหว้ท่วมหัว “สาบานให้ตายดับลงไปประเดี๋ยวนี้ก็ได้ขอรับ เป็นฝีมืออ้ายขันทีนี่จริงๆ”
พระยาพลเทพคิดตาม “ถ้าเป็นจริงอย่างที่อ้ายกล้าพูด ก็นับว่าพิกลอยู่ พวกขันทีไม่น่ามีฝีมือในเชิงต่อสู้เช่นนี้ได้” พระยาพลเทพเริ่มระแวง “ฉันไม่ชอบอยู่อย่างหวาดระแวง เห็นที ต้องพิสูจน์ให้รู้แน่ ถึงจะข่มตาหลับลงได้”
จมื่นศรีสรรักษ์(แปลกใจ “พิสูจน์อย่างไรหรือขอรับ” พระยาพลเทพ กำลังใช้ความคิดว่าจะเอาไงดี
ยามเช้า มุมหนึ่งในวัง ท่านเจ้าคุณกำแหงกำลังตกใจ นึกไม่ถึง “ออกพระศรีอีกแล้วหรือขอรับ”
ท่านเจ้าคุณกำแหงกำลังคุยกับพระยาพลเทพ จมื่นศรีสรรักษ์และขุนแผลงฤทธิ์ พระยาพลเทพแปลกใจ
“อีกแล้ว หมายความว่าอย่างไรหรือท่านเจ้าคุณ”
“เมื่อวาน เพิ่งมีคนสงสัยว่าออกพระศรีเป็นจารบุรุษปลอมตัวมา มาวันนี้ ท่านเจ้าคุณก็สงสัยเรื่องเดียวกันอีก