บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 หน้า 3
ทหารอังวะกำลังสู้รบกับทหารไทยอย่างดุเดือดกลางทุ่งกว้าง ทหารอังวะมีจำนวนมากกว่าทหารไทย ทำให้ทหารไทยถูกรุมฆ่าไปคนแล้วคนเล่า แต่ทหารไทยก็สู้ไม่ถอยชนิดตายเป็นตาย มังมหานรธานั่งอยู่บนหลังม้า โดยมีทหารกางร่มขนาดใหญ่ให้ แสดงถึงฐานะแม่ทัพใหญ่ ทหารไทยพยามสู้เต็มที่ แต่ทำร้ายทหารอังวะได้คนหนึ่ง ก็ถูกคนอื่นรุมเข้ามา จนทหารไทยถูกฆ่าตายจนหมด ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว พอทหารไทยคนสุดท้ายตาย ทหารอังวะก็ชูมือ ชูดาบโห่ร้องลั่นไปทั่วบริเวณ มังมหานรธามองไปรอบๆ หัวเราะชอบใจ
“ดีมาก ทหารของข้า มิเสียที ที่เป็นทหารใต้ร่มธงของมังมหานรธาผู้นี้”
ขณะนั้นเอง ก็มีทหารอังวะคนหนึ่ง ขี่ม้าเข้ามาหามังมหานรธา “ท่านแม่ทัพขอรับ อโยธยามีทัพใหญ่ พลประมาณสองหมื่นกำลังเคลื่อนมาทางเรา คาดว่าไม่เกินครึ่งชั่วยามน่าจะถึงขอรับ”
มังมหานรธายิ้มพอใจ “ออกคำสั่ง ถอยทัพทั้งหมดกลับเมืองทวาย”
ทหารตกใจ “ทหารเรากำลังฮึกเหิม เหตุใดให้ถอยทัพเล่าขอรับ”
“ที่ข้าล่วงเข้ามาในแดนอโยธยา ก็เพื่อต้องการหยั่งเชิงเท่านั้น แลเพลานี้ข้าก็ได้รู้แล้ว ไม่บังควร ที่เราจะรบให้เสียไพร่พลโดยไม่จำเป็น...กลับ” มังมหานรธาชักม้ากลับ พวกทหารอังวะก็เริ่มถอยทัพกลับตาม
ค่ายทหารของพระเจ้ามังระ เมืองมณีปุระ พระเจ้ามังระกำลังเสด็จทอดพระเนตรสภาพภายในค่าย โดยมีอะแซหวุ่นกี้ และเหล่าขุนนางเดินตาม มีขุนนางคนหนึ่งกำลังอ่านจดหมายของมังมหานรธาให้พระเจ้ามังระทรงฟังด้วย “ทหารหัวเมือง ยังนับว่าเข้มแข็งอยู่แต่มีจำนวนน้อยเกินไป ส่วนทหารจากอโยธยาแม้มีจำนวนมาก แต่ฝีมือไม่เข้มแข็งแลวินัยหย่อนยาน จึงเป็นโอกาสเหมาะ ที่สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจะเสด็จลงมายึดครอง อโยธยา เพื่อให้เป็นพระเกียรติยศสืบไป”
พระเจ้ามังระทรงพระสรวลชอบพระทัย “ฟังจากสาส์นของมังมหานรธาแล้ว ดูท่าว่าอโยธยาจะอ่อนแอกว่าตอนที่สมเด็จพ่อข้ายกทัพไปเสียอีก” สีพระพักตร์พระเจ้ามังระติดพระทัยสงสัยขึ้นมา “น่าสงสัยนัก ว่าผ่านมานานปี อโยธยามัวทำกระไรอยู่ เหตุใดไม่จดจำเป็นบทเรียนเสียบ้างเลย”
ขุนนางพนมมือ “หรือว่ามังมหานรธาจะประเมินอโยธยาต่ำเกินไปพระพุทธเจ้าข้า”
อะแซหวุ่นกี้ค้าน “ไม่มีทาง มังมหานรธา กรำศึกมาค่อนชีวิต หากนับความสุขุมรอบคอบแล้ว ยังรอบคอบกว่าข้าเสียอีก ถ้าไม่มั่นใจ ไม่มีทางส่งสาส์นมาถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวดอก”
ขุนนางพนมมือ “ถ้าเช่นนั้น ก็สมควรเสด็จไปนะพระพุทธเจ้าข้า การปราบกบฏเมืองมณีปุระนี้ คงจะสำเร็จในอีกไม่กี่วัน” พระเจ้ามังระทรงเงียบไป ทรงพระราชดำริ
“จากนั้นก็ยกทัพไปรวมกับทัพของมังมหานรธาแลเนเมียวสีหบดี อโยธยาคงไม่พ้นไปได้ พระเกียรติยศของพระองค์ ก็จะเสมอด้วยพระเจ้าชำนะสิบทิศพระพุทธเจ้าข้า”