บทละครโทรทัศน์ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 12 หน้า 2
เห็นชาวบ้านต่างมาลอยกระทงกันคึกคัก สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีร้านค้าเล็กๆขายของกินตลอดทาง รวมถึงมีการละเล่นพื้นบ้านให้คนเลือกชมเต็มไปหมด ขันทองเดินมาคนเดียวอย่างเบื่อหน่าย แม้บรรยากาศจะคึกคัก แต่มีศึกสงครามแบบนี้ ขันทองก็สนุกไม่ออก ขณะนั้นเองแน่นก็ถือกระทงสองกระทง เดินตรงมาที่ขันทอง แน่นยิ้มแย้ม “มาอยู่ที่นี่เองออกพระ ฉันนึกว่าจะตามฝ่ายในกลับเข้าวังไปแล้วเสียอีก”
“กรมขุนวิมลทรงเมตตาให้ฉันมาเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตาน่ะ” ขันทองหน้าเครียด
“แต่ใจจริง ฉันก็ไม่ได้อยากมาดอก เพลาอย่างนี้ ฉันรื่นเริงไม่ออกจริงๆ”
“อย่ากลุ้มใจไปเลยออกพระ ฉันเคยรู้มาว่าสมัยสมเด็จพระนเรศ ก็ทรงจัดงานลอยพระประทีปเป็นที่ใหญ่โต เพื่อเรียก ขวัญกำลังใจให้อาณาประชาราษฎร์ ก่อนรับศึกพระเจ้าเชียงใหม่กับพญาพสิม นึกเสียว่าครานี้ก็เป็นเช่น เดียวกันเถิด” ขันทองยิ้มรับบางๆ รู้ว่าเพื่อนพยายามปลอบใจให้หายเครียด
“นั่นทำกระทงมาเผื่อฉันรึ ถ้าอย่างนั้นก็ไปลอยกันเถิด”
แน่นหน้าเสีย “เอ่อ ไม่ใช่ของออกพระดอก”
ขันทองแปลกใจ “อ้าว แล้วของผู้ใดเล่า” ขณะนั้นเอง เป้าก็เดินเข้ามาหาแน่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เป้ายิ้มแย้ม “ท่านขุนจิต” เป้าเห็นขันทอง “อ้าว ออกพระศรีก็อยู่ด้วยพอดีเลย มาลอยกระทงด้วยกันนะเจ้าคะ”
ขันทองหันไปมองเพื่อนแบบจับผิด แน่นอึกๆอักๆ ไม่รู้จะตอบยังไง ขันทองกระซิบเบาๆกับแน่น
“เอ็งรู้ตัวนะ ว่าตอนนี้เอ็งคือใคร”
แน่นกระซิบตอบ “เอ็งอย่าห่วงเลย ข้าไม่ทำให้เสียแผนดอก” ขันทองหันมาตอบเป้า ยิ้มบางๆ
“ขอบน้ำใจแม่เป้านัก แต่แม่เป้าไปลอยกับขุนจิตใจภักดิ์เถิด ฉันยังมีธุระต้องสะสางอีกมาก”
“ถ้ากระนั้น ฉันไปก่อนนะเจ้าคะ”
แน่นรีบยื่นกระทงให้แม่เป้า “นี่จ้ะ แม่เป้า”
เป้ารับกระทงมา ยิ้มแย้ม “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านขุน”
เป้า และแน่น เดินถือกระทงคุยกันไป สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สนิทสนมกัน ขันทองมองตาม ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น แต่พอเบือนหน้าไป ก็เห็นเยื้อนเดินถือกระทงสองกระทง เข้ามาหาตน ขันทองมองเยื้อนด้วยความระแวง เยื้อนเห็นสีหน้าขันทอง ก็หน้าจ๋อยๆ “อย่าเพิ่งมองบ่าวอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ ที่บ่าวมาเพราะทำกระทงมาให้คุณพระ เพื่อหวังไถ่โทษที่ล่วงเกินคุณพระไปเท่านั้น ไม่มีความคิดอย่างอื่นเลยเจ้าค่ะ”
ขันทองสีหน้าเย็นชา “ขอบน้ำใจ แต่เจ้าเอาไปลอยเองเถิด ฉันมีงานอื่นต้องทำ” ขันทองจะเดินเลี่ยงไป
เยื้อนรีบคุกเข่าลงทันที ตีหน้าเศร้า “คุณพระเจ้าขา บ่าวผิดนัก ที่ทำให้คุณพระรำคาญใจ เท่าที่คุณพระเมตตาไม่ไล่ส่งบ่าว ก็เป็นพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้แล้วเจ้าค่ะ หากคุณพระจะไม่ให้อภัย บ่าวก็พร้อมน้อมรับเจ้าค่ะ”