บทละครโทรทัศน์ กำไลมาศ ตอนที่ 28 หน้า 4
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า “ท่านน้าจำได้บ้างไหมเพคะ ว่าล้อมเพชรอาศัยอยู่ที่วังศุภมาศ”
“จำได้ นึกแล้วก็หงุดหงิดนะ ทำไมชายเรกถึงยอมให้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในวัง”
“ท่านน้าไม่โปรดล้อมเพชรหรือเพคะ”
“ไม่ ไม่เลยสักนิด ริ้วทองว่าแย่แล้ว ผู้หญิงคนนี้แย่กว่า แต่น้ายอมรับนะว่าน้าไม่ชอบ แต่ไม่รู้ทำไมถึงห้ามล้อมเพชรกับดิเรกไม่ได้ จะห้ามทีไร ใจอ่อนทุกครั้งไป” หม่อมเจ้าหญิงรัมภากับเสด็จฯมองหน้ากันอย่างหนักใจ หม่อมเจ้าหญิงถมยาสังเกตเห็น “มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาหนักใจที่จะพูด เสด็จฯเห็นอาการลูกสาวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นให้ว่า “ถมยาฟังชั้นให้ดีนะ ถมยาถูกผู้หญิงชื่อล้อมเพชรทำเสน่ห์ใส่”
หม่อมเจ้าหญิงถมยาตกใจ “ห๊ะ!? ล้อมเพชรทำเสน่ห์ใส่หม่อมชั้น”
“ไม่ใช่แค่ท่านน้านะเพคะที่โดน เจ้าพี่ดิเรกก็โดนไปด้วย ตอนนี้เจ้าพี่รักเจ้าพี่หลงมาก”
เจิมเสริม “มิหนำซ้ำพระพักตร์ของท่านชายดิเรกก็หมองคล้ำขึ้นทุกวัน ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป ท่านชายดิเรกต้องแย่เป็นแน่”
“คุณพระช่วย !”
เสด็จฯ ปลอบ “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ รัมภาคิดหาทางช่วยดิเรกไว้แล้ว แต่ต้องขอความร่วมมือจากถมยา พวกเราจึงต้องทำให้เธอหายเสียก่อน”
“หญิงรัมภาอยากให้น้าช่วยอะไร บอกมาได้เลยนะ น้ายินดีทำทุกอย่าง”
“เพคะท่านน้า”
หม่อมเจ้าหญิงถมยาเปรย “หน้าตารึก็สะสวย แต่ทำไมถึงมีจิตใจเหี้ยมโหดนักนะ”
เจิมเล่าต่อ “นังล้อมเพชรไม่ได้ทำของใส่แค่ท่านถมยากับท่านชายดิเรกนะมังคะ ท่าทางว่ามันจะทำใส่ริ้วทองด้วย เพราะหม่อมชั้นได้ยินท่านหญิงณีตรัสว่าตาลุงที่ช่วยชีวิตริ้วทองไว้ บอกว่าริ้วทองเกือบตายเพราะถูกเสน่ห์คุณไสยมังคะ”
หม่อมเจ้าหญิงถมยากับหม่อมเจ้าหญิงรัมภาตกใจ
เรือนพักของริ้วทอง หม่อมเจ้าหญิงรัมภา หม่อมเจ้าหญิงถมยา เจิมเดินเข้ามาด้วยกัน
“ปรุง ปรุง ริ้วทอง” เจิมร้องเรียก
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาหันไปพูดกับหม่อมเจ้าหญิงถมยา “ท่านน้าเพคะ ท่านน้ากับเจิมเข้าไปเถอะค่ะ หญิงจะรออยู่ตรงนี้”
“ทำไมไม่เข้าไปด้วยกัน”
“ริ้วทองกำลังไม่สบายหนัก ริ้วทองคงจะไม่ชอบใจนักที่เห็นหญิง”
“เช่นนั้นก็ตามใจเถิด”
หม่อมเจ้าหญิงรัมภาเดินออกไป
ปรุงเดินออกมาจากด้านใน เจิมบอกกับปรุงด้วยน้ำเสียงเชิดๆ อย่างคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากัน “ท่านถมยาเสด็จมาเยี่ยมริ้วทอง”
ริ้วทองจะลุกขึ้นเพื่อไปก้มกราบ แต่ว่าไม่มีเรี่ยวแรง
“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไร ชั้นแค่อยากจะมาเยี่ยมเธอ”
ริ้วทองยกมือไหว้ “ขอบพระทัยเพคะ”