บทละครโทรทัศน์ กำไลมาศ ตอนที่ 4 หน้า 4
พระจันทร์สวยงามบนท้องฟ้า ส่องแสงให้เห็นหน้าฟกช้ำของริ้วทองนอนสลบอยู่บนพื้น แล้วค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นพบว่าตัวเองนอนอยู่ในถ้ำ..ที่ปากถ้ำมีม้ายืนเคี้ยวหญ้าสด ริ้วทองงุนงงว่าตนเองมานอนอยู่ที่ไหน ริ้วทองลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบากเพราะยังเจ็บยอกตามแขนขา แต่พอหญิงสาวลุกขึ้นทำให้ผ้าคาดเอวของหม่อมเจ้าดิเรกที่ห่มปิดบังร่างของเธออยู่เลื่อนหล่นลง ริ้วทองเห็นเสื้อของตัวเองขาดวิ่นเผยผิวผ่องส่วนเนินอกและหัวไหล่ เธอรีบดึงผ้ามาปิดเหน็บพันกันไว้อย่างหวงเนื้อหวงตัว
ตอนนั้นเองมีเสียงก๊อกแก๊กของกิ่งไม้ดังขึ้นจากด้านหนึ่ง ริ้วทองมองไปจึงเห็นแผ่นหลังของผู้ชายนั่งยองก้มทำอะไรบางอย่างอยู่ก็ตกใจ ริ้วทองถอยหลังหนีอย่างหวาดกลัว แล้วหันไปเห็นท่อนไม้วางอยู่ใกล้ๆ จึงตัดสินใจคว้าท่อนไม้มาถือ จากนั้นจึงลุกขึ้นค่อยๆ ย่างสามขุมไปที่ด้านหลังของผู้ชายคนนั้น ริ้วทองเข้าใกล้มากขึ้น...มากขึ้น...จนถึงด้านหลังของเขา จึงเงื้อไม้ขึ้นเตรียมฟาด
หางตาของหม่อมเจ้าดิเรกหันไปเห็นเงาจากฝาผนังถ้ำ ก็เลยหันมารับไม้ของริ้วทองได้ทันก่อนที่มันจะฟาดลงบนหัวเขา “เฮ้ย !”
ริ้วทองดิ้นสู้ หลับหูหลับตา กระหน่ำตีไม่ยั้ง “ไอ้ชั่ว! ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ ไป !”
หม่อมเจ้าดิเรกคว้าแขนทั้งสองของริ้วทองเอาไว้ แต่ริ้วทองก็ยังดิ้นทำให้เกือบจะหงายหลัง หม่อมเจ้าดิเรกคว้ารวบตัวริ้วทองเอาไว้แล้วทั้งสองก็ล้มลงไปบนพื้นด้วยกัน โดยที่หญิงสาวอยู่ด้านบนของชายหนุ่ม ทั้งสองสบตากันในระยะใกล้
ริ้วทองจึงเพิ่งได้เห็นหน้าหม่อมเจ้าดิเรกชัดๆ แล้วจำเขาได้ “คุณ!? คุณที่ช่วยชั้น”
“จำชั้นได้สักทีนะริ้ว”
ริ้วทองรีบผุดลุกขึ้น ถอยหลังออกห่างอย่างไม่ไว้ใจ ริ้วทองแปลกใจ “คุณรู้ได้อย่างไรว่าชั้นชื่อริ้ว”
ดิเรกยิ้ม “ริ้วเอาแต่นอนละเมอร้องเรียกให้คนช่วย ถ้าอีกสักพักริ้วยังไม่ตื่น ชั้นคงรู้ไปถึงชื่อพ่อแม่ของริ้วด้วย ชั้นอยากจะพาริ้วกลับบ้านนะ แต่ชั้นไม่รู้ว่าบ้านริ้วอยู่ไหน ชั้นก็เลยพาริ้วเข้ามาหลบพักในนี้ก่อน” ริ้วทองก้มหน้า เหลือบตามองหม่อมเจ้าดิเรกเป็นระยะๆ มีทั้งความกลัวและความอาย “ชั้นชื่อดิเรกนะ ชั้นติดตามท่านเสด็จในกรมมาจากบางกอก ชั้นเพิ่งเดินทางตามมาถึงที่นี่เมื่อตอนบ่าย ก็เลยขี่ม้าดูบ้านดูเมืองเสียหน่อย แต่หลงทางเข้า ถึงได้ไปเจอริ้วถูกพวกใจบาปรังแก” ริ้วทองน้ำตาไหลเมื่อนึกถึงเรื่องโหดร้ายที่ผ่านมา “ไม่ต้องกลัวแล้วนะริ้ว อยู่กับชั้น จะไม่มีใครมาทำร้ายริ้วได้อีก”
สายตาของหม่อมเจ้าดิเรกที่มองริ้วทองเปี่ยมด้วยความหนักแน่นมั่นคง จนริ้วทองรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจึงกล้าที่จะมองเขาและยกมือไหว้ “ขอบคุณที่ช่วยชั้น แต่ชั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนน้ำใจของคุณ”
“มีสิ ชั้นอยากให้ริ้วช่วยชั้นติดกองไฟหน่อยได้ไหม ชั้นไม่ได้เข้าป่าเสียนานเลยทำไม่ถนัด”
ริ้วทองยิ้มรับแล้วลุกขึ้นไปหมุนไม้ติดกองไฟที่พื้นอย่างชำนาญตามประสาลูกชาวบ้าน หม่อมเจ้าดิเรกมองภาพริ้วทองอย่างเอ็นดู
กองไฟติดเรียบร้อยแล้ว ริ้วทองเติมกิ่งไม้ลงไปจนไฟลุกโชน แล้วริ้วทองก็หันมาบอกหม่อมเจ้าดิเรก “ชั้นติดไฟตอบแทนน้ำใจของคุณแล้ว ชั้นต้องขอตัว” ริ้วทองลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะยังเจ็บลำตัวแล้วเดินออกไปเลย