บทละครโทรทัศน์ กำไลมาศ ตอนที่ 4 หน้า 5
“ ริ้วจะไปไหน” หม่อมเจ้าดิเรกลุกขึ้นคว้าตัวริ้วทอง
“ชั้นจะกลับบ้าน”
“ริ้วจะกลับได้ยังไง ข้างนอกมืดออกอย่างงั้น รอให้ฟ้าสว่างก่อนแล้วชั้นจะไปส่งริ้วที่บ้านเอง”
ริ้วทองถอยตัวออกห่างจากหม่อมเจ้าดิเรกอย่างมีมารยาท และพยายามหาข้ออ้าง “ชั้นอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ชำนาญป่าแถวนี้ดี ต่อให้หลับตาเดินชั้นก็กลับบ้านได้”
หม่อมเจ้าดิเรกจ้องริ้วทอง แต่ริ้วทองไม่สบตาเขาและพยายามจะถอยออกห่างจากเขา ทำให้ชายหนุ่มรู้ทัน “ริ้วไม่อยากค้างคืนกับชั้นใช่ไหม”
ริ้วทองจำยอมสารภาพ “แม่ของชั้นสอนว่าเป็นหญิงไม่ควรนอนค้างอ้างแรมกับชายตามลำพังมันไม่งาม ถ้าใครรู้เขาจะถูกนินทา”
“โธ่...คิดมากเสียจริง”
“ชั้นเป็นหญิง คิดน้อยไม่ได้หรอกค่ะ”
หม่อมเจ้าดิเรกยิ้มเอ็นดูริ้วทอง “ถ้าอย่างงั้นริ้วนอนในนี้ก็แล้วกัน ชั้นจะไปนอนข้างนอกเอง” เขาเดินออกไปหน้าถ้ำ
ริ้วทองมองตามเขาอย่างคาดไม่ถึงแล้วก็ตามออกไป
ริ้วทองตามออกมาแอบมองหม่อมเจ้าดิเรก เห็นชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนพื้นหน้าถ้ำ...ตบยุงที่หน้าและแขนเป็นระยะๆ ริ้วทองไม่สบายใจ ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วหายกลับเข้าไปในถ้ำ
หม่อมเจ้าดิเรกนอนหลับตาลง แล้วริ้วทองที่ดึงผ้าซิ่นขึ้นมานุ่งเป็นประโจมอก สวมเสื้อที่ขาดทับอีกทีก็ช่วยปิดความโป๊ได้เดินออกมาจากในถ้ำยื่นผ้าคาดเอวคืนให้ “ในนี้หนาว ยุงก็มาก คุณเอาผ้าของคุณไปห่มเถอะ”
“แล้วริ้วล่ะ”
“ฉันอยู่ใกล้กองไฟ กองไฟช่วยคลายหนาวได้มาก คุณรับผ้าไปเถอะ อย่าให้ชั้นเอาเปรียบคุณมากไปกว่านี้เลย”
“ขอบใจมากนะริ้ว” หม่อมเจ้าดิเรกยื่นมือไปรับผ้าจากริ้วทอง...ปลายนิ้วของเขาแตะโดนมือของริ้วทอง...ทำให้ริ้วทองสะดุ้งเล็กน้อยและชักสายตาหลบอย่างเขินอายตามประสาหญิงที่ไม่เคยต้องมือชาย
พอหม่อมเจ้าดิเรกรับเสร็จ ริ้วทองก็หันหลังกลับเข้าไปในถ้ำทันที หม่อมเจ้าดิเรกมองตามริ้วทองและอมยิ้มอย่างรู้สึกดี ริ้วทองกลับเข้ามานอนในถ้ำดวงตามีประกายสุกใสอย่างคนที่เพิ่งจะรู้จักคำว่ารัก
เช้าวันต่อมา ริ้วทองนอนหลับสนิทอยู่บนพื้น หม่อมเจ้าดิเรกถือผ้าคาดเอวของเขาก้าวมานั่งลงใกล้ๆ ริ้วทอง ตั้งใจจะปลุกเธอ แต่ริ้วทองนอนร้องไห้กระซิกๆ น้ำตาไหลละเมอพูดแผ่วเบา “พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยริ้วด้วย!”
หม่อมเจ้าดิเรกโน้มหน้าเข้าไปใกล้ริ้วทองจะฟังว่าเธอพูดว่าอะไร...ยิ่งมองใบหน้าของริ้วทองใกล้ๆ เขายิ่งเห็นความงดงามหมดจดปราศจากเครื่องปรุงแต่งหน้าของหญิงสาว...แล้วความงามนั้นก็สะกดทำให้หม่อมเจ้าดิเรกไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของสาวชาวบ้านคนนี้