[US Boxoffice] ไม่โผล่พ้นน้ำ "Aquaman 2" เปิดตัวในน้ำกร่อย ต้อนรับวันคริสต์มาส
Box Office Aquaman and the Lost Kingdom
บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รายงานอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์วันที่ 22-24 ธันวาคม 2023 - สัปดาห์นี้ก็ยังคงตอกย้ำกระแสความถดถอยของวงการหนังซูเปอร์ฮีโรอยู่ต่อไป เพราะการมาของอีกผลงานล่าสุดจากฝั่งดีซี ที่เป็นการมาปิดฉากจักรวาลที่สานต่อมายาวนานร่วมทศวรรษอย่างเป็นทางการ แหวกว่ายในภาคต่อกับ "Aquaman and the Lost Kingdom" ที่กระแสตอบรับในภาคนี้ดูเหมือนว่าจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภาคแรกที่เคยทำเอาไว้เมื่อ 5 ปีก่อน
Aquaman and the Lost Kingdom เปิดตัวได้ค่อนข้างล้มเหลวกับรายได้ 3 วันแรกแค่เพียง 28 ล้านเหรียญ จาก 3,706 โรงฉาย หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ราว ๆ 7,500 เหรียญ แม้ว่ารายได้ของหนังจะเพียงพอที่จะขึ้นเป็นแชมป์เรื่องใหม่ในสุดสัปดาห์วันคริสต์มาสปีนี้ แต่ต้องยอมรับว่ารายได้เพียงเท่านี้ ไม่สมศักดิ์ศรีกับการอยู่ท่ามกลางช่วงเทศกาลปลายปีเลยแท้ ๆ
กลายเป็นว่า Aquaman 2 เป็นหนังซูเปอร์ฮีโรที่เปิดตัวได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก ๆ อีกเรื่อง หลังจากที่ The Marvel จากฝั่งมาร์เวล ก็เพิ่งจะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวกับการเปิดตัวไปเพียง 47 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งหนังถือว่าเปิดตัวไล่หลัง 2 หนังจากดีซีในปีนี้ อย่าง The Flash (55 ล้านเหรียญ) กับ Shazam! Fury of the Gods (30 ล้านเหรียญ) แต่ถือว่าทำเงินได้ในระดับเดียวกับ Blue Beetle (25 ล้านเหรียญ) ที่นับว่าหนังของดีซีปีนี้ทุกเรื่องล้มเหลวด้านรายได้ทั้งหมด
รายได้เปิดตัวของภาคต่อเรื่องนี้ไม่สามารถเทียบได้ติดกับ Aquaman ภาคแรกเคยทำเอาไว้ 67 ล้านเหรียญ ในปี 2018 ก่อนจะกวาดรายได้ในอเมริกาเหนือไปได้ 335 ล้านเหรียญ และฟันเงินทั่วโลกไปได้สูงเกินคาดกว่า 1.15 พันล้านเหรียญ นับว่าสถานการณ์ที่แทบจะไม่ต้องฝันเลย เพราะ Aquaman 2 ใช้ทุนสร้างไปสูงกว่า 200 ล้านเหรียญ โดยนักวิเคราะห์มองว่ารายได้ 4 วันแรก รวมกับการฉายในวันคริสต์มาสแล้ว หนังจะเปิดตัวได้ที่ 40 ล้านเหรียญโดยประมาณ
สัปดาห์นี้ถือว่าเกือบจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่สตูดิโอต่าง ๆ จะปล่อยของกัน ทำให้ยังเต็มไปด้วยกองทัพหนังใหม่เป็นกระบุง เปิดตัวตามมาในอันดับที่ 3 ก็คือ "Migration" หนังแอนิเมชันเรื่องใหม่จากค่ายอิลลูมิเมชัน ก็ทำรายได้เปิดตัวไปไม่มากไม่น้อยที่ 12.3 ล้านเหรียญ จาก 3,761 โรงฉาย หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ 3,200 เหรียญ และคาดว่า 4 วันแรกจะทำเงินไปได้ที่ 17 ล้านเหรียญ
โดยยูนิเวอร์แซลหวังว่าหนังการ์ตูนเรื่องนี้จะสามารถใช้สูตรเดียวกับที่ Puss in Boots: The Last Wish เคยทำเอาไว้ได้เมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยการออกสตาร์ทแบบไม่หวือหวาอะไร แต่สามารถยืนโรงและเก็บรายได้ในระยะยาวจนกลายเป็นความสำเร็จได้ในที่สุด ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ได้กระแสตอบรับจากผู้ชมระดับเกรด A มาครอง ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นหนังที่เหมาะเจาะกับคนดูกลุ่มครอบครัวในช่วงวันหยุดยาวนี้
ขณะที่หนังโรแมนติกคอมเมดีติดเรท "Anyone But You" เดบิวต์ตามมาติด ๆ ในอันดับที่ 4 กับรายได้ 6.2 ล้านเหรียญ จาก 3,055 โรงฉาย หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อที่ 2,000 เหรียญ และคาดว่าจะทำเงิน 4 วันแรกไปได้ที่ 9 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์มองไว้ เพราะหนังแนวนี้แทบจะทำปฏิกิริยาใด ๆ กับบ็อกซ์ออฟฟิศยุคนี้ไม่ได้แล้ว แต่ก็นับว่าเป็นแรร์ไอเท็มที่หายากอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
หนังบอลลิวูดฟอร์มยักษ์ "Salaar: Part 1 Ceasefire" เปิดตัวมาในอันดับที่ 5 กับรายได้ 5.4 ล้านเหรียญ จากการฉาย 802 โรงทั่วอเมริกา คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อราว ๆ 6,800 เหรียญ และคาดว่าจะทำเงินรวม 4 วันแรกอยู่ที่ 6.3 ล้านเหรียญ ขณะที่หนังดรามาตระกูลมวยปล้ำ "The Iron Claw" เปิดตัวได้อันดับที่ 6 กับรายได้ 5 ล้านเหรียญ จาก 2,774 โรงฉาย กับรายได้เฉลี่ยที่ 1,800 เหรียญ เป็นตัวเลขที่ไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่
นี่คือหนังที่ตีแผ่ชีวิตและเรื่องจริงของตระกูลนักมวยปล้ำ วอน อีริช ที่ฝากฝังการแสดงของ "แซ็ค แอฟรอน" ที่หวังจะได้ไปไกลบนเวทีรางวัลต่าง ๆ ช่วงต้นปีที่จะถึงนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าหนังจะสามารถทำเงินเปิดตัว 4 วันแรกรวมวันคริสต์มาสไปด้วยในที่ 7.5 ล้านเหรียญ แต่หนังจะสามารถยืนโรงฉายได้ในระยะยาวหรือไม่ ก็คงต้องหวังพึงใบบุญจากกระแสรางวัลต่อไป
"Wonka" ยังคงเกาะอยู่ในตำแหน่งรองแชมป์สัปดาห์นี้ กับรายได้เพิ่มอีก 17.7 ล้านเหรียญ ลดลงไป -55% เพราะเจอมรสุมหนังใหม่ถาโถมเข้าใส่แบบจัง ๆ โดยที่ยังคงครองตำแหน่งเป็นที่มีโรงฉายเยอะที่สุดในอเมริกาเหนือในเวลานี้ คาดว่าหนังจะเก็บรายได้ไปถึงวันคริสต์มาสเป็น 4 วัน 26 ล้านเหรียญ และจะกระตุ้นยอดรวมไปอยู่ที่ 83.5 ล้านเหรียญ พร้อมกับก้าวข้ามรายได้ 200 ล้านเหรียญทั่วโลกไปได้ในสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ยังมีอีกหนังบอลลิวูดฟอร์มดีช่วงปลายปี "Dunki" เดบิวต์ได้ในอันดับที่ 10 กับรายได้ 2.6 ล้านเหรียญ ที่ไม่ได้หวือหวาอะไรนัก ทางด้าน "Poor Things" ที่เพิ่มโรงฉายเป็นวงกว้างมากขึ้นมาอยู่ที่ 800 โรง ก็ทำรายได้ไปอีก 2.1 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น +65% กระตุ้นยอดรวมขยับมาอยู่ที่ 5 ล้านเหรียญ ส่วนหนังดรามา LGBTQ+ ที่หวังรางวัลอีกเรื่องของปีนี้ "All of Us Strangers" ออกฉายแค่ 4 โรง เปิดตัวที่ 132,000 เหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ 33,000 เหรียญ ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว
สำหรับสัปดาห์ถัดไปที่จะเป็นสุดสัปดาห์สิ้นปี จะไม่มีโปรแกรมหนังใหม่ออกฉายแล้ว เพราะหนังล็อตสุดท้ายของปีจะมาเข้าฉายกันตั้งแต่วันจันทร์ของสัปดาห์แทน ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาส ที่ประกอบด้วยไป "The Color Purple" หนังดรามามิวสิคัลหวังรางวัลที่จะมาขับขานส่งท้ายปี ตามมาด้วยหนังดรามากีฬาแข่งเรือ "The Boys in the Boat" ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ จอร์จ คูลนีย์ และ "Ferrari" หนังดรามาชีวประวัติตำนานแบรนด์รถหรูระดับโลก
Source: TheNumbers
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- [US Boxoffice] สัปดาห์นี้หวานเจี๊ยบ! "Wonka" โปรยเสน่ห์ครองใจคนดูทั้งแผ่นดิน
- [US Boxoffice] กระแสนิปปอนมาแรง "The Boy and the Heron" ยึดแชมป์ในอเมริกา
- [US Boxoffice] แม่บีครองบัลลังก์ "Renaissance" ออกสตาร์ทเป๊ะปังในอเมริกา
- TrueID BoxOffice 5 หนัง 5 ซีรีส์ออนไลน์ฮิตจากแอป TrueID
- Movie.TrueID ชวนดู 5 หนังดีช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa