รีเซต

[US Boxoffice] "Night Swim" ว่ายหลอนสู่รองแชมป์ "Wonka" ยึดบัลลังก์ต่อ

[US Boxoffice] "Night Swim" ว่ายหลอนสู่รองแชมป์ "Wonka" ยึดบัลลังก์ต่อ
Jeaneration
8 มกราคม 2567 ( 08:00 )
74

Box Office Wonka

บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รายงานอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์วันที่ 5-7 มกราคม 2024 - มาสู่สุดสัปดาห์แรกของปี 2024 อย่างเป็นทางการ ฮอลลิวูดเริ่มต้นปีด้วยความสยองขวัญอีกเช่นเคยกับ "Night Swim" ที่เป็นการผนึกกำลังสร้างระหว่าง 2 ตัวพ่อความเขย่าขวัญแห่งยุค เจสัน บลัม และ เจมส์ วาน ที่เป็นหนังที่พัฒนาขยายเส้นเรื่องมาจากหนังสั้นที่เป็นกระแสเมื่อหลายปีก่อน แต่ดูเหมือนว่าแรงว่ายแห่งความหลอนในครั้งนี้จะยังไม่แรงมากสักเท่าไหร่

Night Swim ทำได้ดีที่สุดด้วยการเปิดตัวเป็นรองแชมป์ในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 12 ล้านเหรียญ จาก 3,250 โรงฉายทั่วอเมริกา หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงเกือบ 3,700 เหรียญ ถือว่าเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์เคยคาดกันเอาไว้ เพราะหนังเรื่องนี้แทบจะไม่มีกระแสมากมายสักเท่าไหร่ ยิ่งเอาไปเทียบกับ M3GAN หนังเปิดปีใหม่เมื่อปีที่แล้ว ยิ่งห่างชั้นกันพอประมาณเลย

คงจะต้องบอกว่า Night Swim ที่แทบจะไม่นักแสดงนำที่มีชื่อเสียงและยังเป็นผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับหน้าใหม่ (ผู้กำกับจากฉบับหนังสั้นนั่นแหละ) อีกทั้งหนังยังได้กระแสตอบรับที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่นัก เพราะมีนักวิจารณ์ชื่นชอบแค่เพียง 27% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ขณะที่คนดูก็ตัดเกรดให้แค่ C เท่านั้น จากการสำรวจของ CinemaScore

นอกจากนี้ Night Swim ยังออกสตาร์ทที่ค่อนข้างอ่อนแรงในตลาดต่างประเทศด้วย เพราะหนังเก็บไปได้เพียง 5.7 ล้านเหรียญ จากการเปิดตัวฉายใน 36 ประเทศทั่วโลก นั่นทำให้หนังเก็บแต้มวีคแรกไปได้ที่ 17.7 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่นับว่าโชคดีที่หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไปแค่เพียง 15 ล้านเหรียญเท่านั้น หลังจากนี้ยังไงก็ถือว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่แล้ว

ส่วนแชมป์หนังสัปดาห์นี้ก็ยังคง "Wonka" อีกเหมือนเคย หลังจากที่พลิกกลับขึ้นมาเป็นแชมป์อีกหนเมื่อตอนสิ้นปี หนังแฟนตาซีใส ๆ เหมาะกับครอบครัวก็ยังเหมาะเจาะกับช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างต่อเนื่อง หนังทำเงินไปเพิ่มอีก 14.4 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -36% ที่ถือว่ายังเพียงพอที่จะครองบัลลังก์ได้อยู่ต่อไป แม้ว่ารอบฉายจะเริ่มลดลงไปบ้างแล้วก็ตาม โดยยอดรวมในบ้านก็ฟันไปได้แล้วถึง 164.6 ล้านเหรียญ

"Aquaman and the Lost Kingdom" ได้รับอานิสงส์จากการฉายช่วงเทศกาลวันหยุดแท้ ๆ วีคนี้เก็บเงินไปอีก 10.6 ล้านเหรียญ ลดลงไปเพียง -42% ขยับรายได้รวมในบ้านตอนนี้แตะที่ 100 ล้านเหรียญได้พอดี ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังฮีโรดีซีที่ทำเงินได้สูงสุดในปี 2023 ไปแล้ว แต่กระนั้นหนังก็ยังจัดว่าอยู่ในความเสี่ยงล้มเหลวสูงอยู่ต่อไป เพราะทุนสร้างระดับ 200 ล้านเหรียญของหนัง ยังอีกไกลโขที่จะไปได้ถึง แม้ว่ารายได้ทั่วโลกตอนนี้จะแตะไปที่ 266 ล้านเหรียญแล้วก็ตาม

ตามมาติด ๆ ก็คือแอนิเมชัน "Migration" จากค่ายอิลลูมิเนชัน ที่ทำเงินไปอีก 10.2 ล้านเหรียญ ลดลงไป -40% ที่ถือว่าเป็นหนังการ์ตูนที่ค่อย ๆ เก็บรายได้แบบค่อยเป็นค่อยไป อาศัยช่วงเทศกาลที่ผ่านมาโกยเงินไปแบบเงียบ ๆ เผลอแปบเดียวรายได้รวมก็จะแตะไปถึงหลัก 80 ล้านเหรียญแล้ว ผ่านเลขหลักทุนสร้างของหนังไปแล้ว ทั้งที่ตอนเปิดตัวค่อนข้างน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย 

แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดในวีคนี้ก็คงจะเป็นในอันดับที่ 5 กับ "Anyone But You" หนังโรแมนติกคอมเมดี้ ที่กลายเป็นแรร์ไอเท็มของหนังฉายโรงในยุคนี้ กลายเป็นว่าทำเงินไปอีก 9.5 ล้านเหรียญ บวกเพิ่มขึ้นจากวีคก่อนขึ้นมา +9% ได้อย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่หนังเคยเปิดตัวไว้ได้ค่อนข้างต่ำในช่วงคริสต์มาส แต่กลับได้กระแสปากต่อปากจากคนดูมาช่วยพยุงเอาไว้ตลอดวันหยุดที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ยอดรวมในอเมริกาแตะไปถึง 43.7 ล้าน จากทุนสร้าง 25 ล้านเหรียญ โดยหนังเตรียมจะลุยทำตลาดในต่างประเทศต่อไปจนถึงช่วงวาเลนไทน์นี้

ส่วนกลุ่มหนังดรามาหวังรางวัล "The Boys in the Boat" ทำเงินไปอีก 6 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -28% กับยอดรวมที่ 33.8 ล้านเหรียญ ก็แอบไม่เจ็บตัวแล้วสักเท่าไหร่ ขณะที่ "The Color Purple" ต้องหวังพึงใบบุญจากเวทีรางวัลหนัก ๆ เลย เพราะทำเงินลดลงไป -59% ที่ 4.76 ล้านเหรียญ แม้ว่าช่วงเทศกาลจะกักตุนรายได้เอาไว้ได้พอประมาณแล้วที่ 54.6 ล้านเหรียญ แต่หนังยังคงต้องการกระแสให้ได้ฉายต่อไปถึงเดือนมีนาคมนี้

"The Iron Claw" หนังดรามามวยปล้ำก็ยังทำผลลัพธ์ได้น่าพอใจ เก็บเงินเพิ่มไปอีก 4.5 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -3% จากวีคก่อนเท่านั้น แม้ว่าจะฉายแบบเงียบ ๆ แต่ก็ฟันรายได้ในบ้านไปได้แล้วที่ 24.8 ล้านเหรียญ เช่นเดียวกับ "Ferrari" ที่ยังมีท่าทีทรง ๆ กับรายได้เพิ่มอีก 2.5 ล้านเหรียญ ลดลงไป -36% จากวีคก่อน ยอดรวมตอนนี้ก็แตะไปที่ 16 ล้านเหรียญ ซึ่งยังต้องอาศัยบารมีจากเวทีรางวัลมาต่อลมหายใจต่อไป

และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อยากจะเล่ากล่าวกันก็คือ "The Marvels" ที่ปิดโปรแกรมฉายไปแล้วอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทำรายได้ได้ต่ำกว่ามาตรฐานหนังมาร์เวล โดยหนังได้ลาโรงฉายในอเมริกาไปเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา สรุปรวมแล้วเข้าฉายแค่เพียง 8 สัปดาห์เต็มเท่านั้น กับรายได้ในบ้านที่ทำไปได้เพียง 84.5 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังมาร์เวลที่ทำรายได้ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับสัปดาห์ที่จะถึงนั้นในอเมริกาจะตรงกับวันหยุดยาว ในวันรำลึกถึงมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ที่ทำให้จะมีโปรแกรมหนังเข้าใหม่แบบหนาตาขึ้น นำทีมมาด้วยฉบับใหม่ของ "Mean Girls" หนังวัยรุ่นกระแสในติ๊กต็อกกำลังมาแรงมาก ๆ ที่น่าจะสร้างปรากฏการณ์ในอเมริกาได้ไม่น้อย ตามมาด้วย "The Beekeeper" หนังแอคชันของตัวพ่อ เจสัน สเตแธม และ "The Book of Clarence" หนังตลกย้อนยุคที่มีดาราดึงดูดใจ อีกทั้งดิสนีย์ยังจะส่ง "Soul" หนังแอนิเมชันในปี 2020 มาลงโรงฉายเป็นครั้งแรก ชดเชยเมื่อครั้งที่หนังไม่ได้ฉายตามปกติตอนช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด

 Source: TheNumbers

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa