บทละครโทรทัศน์ หนึ่งในทรวง ตอนที่ 24 (ตอนจบ) หน้า 7

สัทธาก็ชักหมดมุข “นั่นสิ เราก็ลองกันมาตั้งหลายแผนแล้วนะ .... ยัยปุ้มปากแข็งจริงๆ”
ทุกคนคิดๆ แล้วอนวัชก็คิดออก “คิดออกแล้ว” ทุกคนหันมา อนวัชหยิบกระดาษปากกามาเขียนบางอย่าง แล้วยื่นเศษกระดาษให้บุญเติม “จัดการตามนี้เลยนะ” อนวัชยิ้มอย่างมีเลศนัย
สัทธามองด้วยความสงสัย
คืนนั้น ที่ห้องรับแขก บุญเติมเอาแผ่นเสียงที่อนวัชต้องการใส่ในเครื่องเล่นและเปิดเสียงเพลง “จูบ” เสียงเพลงลอยเคว้งไปมาในอากาศ
หทัยรัตน์กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนอน..ต้องชะงักเมื่อเสียงเพลงดังแว่วเข้ามาในห้อง..หทัยรัตน์นิ่งคิด..และภาพความหลังตอน.ที่จูบกันในอดีตก็ตีกลับเข้ามาในความทรงจำ..หทัยรัตน์ยิ่งฟังยิ่งเขิน..
อนวัชนั่งอยู่บนรถเข็นได้ยินเสียงเพลงก็หยุดชะงักและเงี่ยหูฟัง อนวัชค่อยๆเข็นรถมาหยุดที่ริมหน้าต่างเพื่อฟังเพลง
สักพักหทัยรัตน์เดินเข้ามาหา “คุณอนวัชยังไม่นอนเหรอคะ ?”
“กำลังจะนอนแต่ได้ยินเพลงนี้ก็เลยนอนไม่หลับ..เธอก็นอนไม่หลับเหมือนกันใช่มั้ย” หทัยรัตน์หลบตาแทนคำตอบ
“น่าเสียดายนะที่ฉันเดินไม่ได้..ไม่งั้นฉันจะขอเธอเต้นรำกับฉันสักเพลง” อนวัชมองที่ขาตัวเองด้วยความเศร้า ”พูดถึงเรื่องเต้นรำก็แปลกดีนะ ครั้งแรกเธอวิ่งหนีฉัน ครั้งที่สองฉันต้องบังคับเธอถึงยอมเต้นรำกับฉัน ส่วนตอนนี้ถึงฉันอยากเต้นรำและเธอก็ยินยอม ฉันกลับเต้นไม่ได้...”
หทัยรัตน์เห็นแล้วสงสาร เดินเข้ามาหา “คุณก็ไม่จำเป็นต้องเดินนี่คะ“ อนวัชแปลกใจ หทัยรัตน์ค่อยๆจับมืออนวัชและดึงอนวัชให้ยืนขึ้น...หทัยรัตน์จับมืออนวัชอ้อมมาที่เอว และหทัยรัตน์วางมือตัวเองบนไหล่อนวัช อีกมือก็จับมือของอนวัชไว้ “หลับตาและคิดว่ากำลังเต้นรำอยู่นะคะ ... “
อนวัชทำตามค่อยๆหลับตาลง หทัยรัตน์ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้และประคองตัวอนวัชไว้ ทั้งสองคนยืนนิ่งเหมือนกอดกันอยู่ริมหน้าต่าง เสียงเพลงดังแว่วมากับสายลม...หทัยรัตน์มองอนวัชในระยะใกล้ และรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด.. หทัยรัตน์ยิ้มนิดๆและซบศีรษะที่ไหล่อนวัช อนวัชอมยิ้มมีความสุข
อีกมุมหนึ่งของบ้านไม่ห่างกัน เห็นสุดา สัทธา ค่อยๆย่องมาแอบดู บุญเติมตามมาห่างๆ ด้วยความสาระแน
“พี่ปุ๊ๆ ดูๆ หวานมากกกก”
“เห็นแล้วๆ แผนไอ้หนึ่งใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย”
“แต่...เต้นรำแบบนี้ มันจะพอให้ปุ้มเคลิบเคลิ้ม สารภาพความรู้สึกออกมาเหรอคะ ?”
สัทธาชะงักกึก “เออ !! นั่นน่ะสิ”
ทันใดนั้นบุญเติมที่ยืนอยู่ด้านหลังก็จามออกมาเสียงดังมาก ฮัดชิ้ววววว !!! ตึ่ง ! สุดากับสัทธารีบหันมาจุ๊ปาก “ชู่ว!!!!!”