บทละครโทรทัศน์ บ่วงอธิฏฐาน ตอนที่ 9 หน้า 4
“ความจำเจ้าเลอะเลือนหรือไร เจ้าสัญญากับข้าเองว่า ข้าไปไหนเจ้าจักไปกับข้าทุกที่ จักยอมทำทุกสิ่งที่ข้าสั่ง จักยอมเป็นทุกอย่างแม้แต่สมบัติของข้า”
“นั่นมิได้แปลว่ารักสักนิด ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
“มิได้แปลว่ารักแล้วจักมอบชีวิตให้ข้าได้อย่างไร” อริยะจูบลงที่หัวไหล่เกศอาภา ที่เหมือนจนมุมติดกับคำพูดตัวเอง “ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ”
เกศอาภาหันกลับมาสบตาอริยะ
แท่นบูชาเทวะ บุษกรยืนนิ่ง จ้องเขม็งไปที่ไฟในภาชนะที่จุดบูชาเทวะ“ข้าบูชาแลถวายความจงรักภักดีแก่ท่านเสมอมา หากแต่วันนี้เทวะกลับทรยศข้า ท่านดูดายความทุกข์ในใจข้าเยี่ยงนี้ ข้าก็ขอทวงคืนชะตาชีวิตของข้าที่เคยมอบไว้ในอุ้งหัตถ์ท่าน ข้าจักลิขิตทางเดินชีวิตด้วยตัวของข้าเอง...ในเมื่อความ อยุติธรรมฉกชิงความรักและความสุขไปจากมือข้า ข้าจักทวงมันคืนด้วยตัวข้าเอง” ดวงตาบุษกรทั้งคู่สะท้อนเปลวไฟที่เต้นระยิบ
เกศอาภาถามอริยะตรงๆ “ข้าได้ยินมาว่า แท้จริงแล้วองค์สูริยะเล็งแล้วว่าบุษกรลูกสาวท่านมหาพราหมณ์กัมพูเป็นผู้เหมาะสมตำแหน่งลูกสะใภ้ท่าน”
“เจ้าจักพูดถึงคนอื่นไปไย ในเมื่อบัญชาเทวะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เทวะบัญชาให้เราได้มาพบกัน ถึงแม้เทวะมิได้บัญชา ข้าก็เลือกเจ้าเป็นผู้เดินร่วมทางชีวิตไปกับข้า จนกว่าชีวิตจักหาไม่” เกศอาภาสบตาอริยะ อริยะจูบเกศอาภาแล้วบรรจงสวมพาหุรัดชิ้นนั้นให้ “เทวะดลใจให้ข้าได้พบมณีเม็ดนี้ แลข้าตั้งสัจจะไว้ว่า ข้าจักมอบมณีเม็ดนี้แก่หญิงที่ข้ารัก วันนี้ข้าสุขใจนักมณีเม็ดนี้คู่ควรแก่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
อริยะจูบเกศอาภาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเกศอาภาจะยินยอมเปิดใจรับอย่างสิ้นเงื่อนไข
บุษกรยังยืนนิ่งอยู่หน้าแท่นบูชา
“ที่แท้เจ้าก็ยังอยู่ที่นี่เอง” กัมพูเอ่ยเรียก
“ลูกเข้ามาสวดมนต์ขอพรองค์เทวะให้องค์อริยะแลเจ้าสาวของท่าน พบแต่ความสุขความเจริญ ขอให้องค์สูริยะแข็งแรง มิเจ็บมิไข้ ครองบัลลังก์จันทรปุระไปจนฟ้าสิ้นดินดับ”
“หากเจ้าทำใจได้แล้ว ก็เป็นเรื่องดีแก่ตัวเจ้าเอง ขอพรจากเทวะคุ้มครองรักษาตัวเจ้าเองเช่นกัน” กัมพูเดินไปคุกเข่าลงหน้าแท่นบูชา
บุษกรมองกัมพู สายตาตวัดขึ้นมองรูปเคารพเทวะอย่างเย็นชา
ในวัง-ส่วนที่อยู่ของอริยะ เกศอาภาเดินออกมาจากห้องนอน แต่ก็ต้องชะงัก พวกนางบริวารรุมล้อมกันที่หีบใส่ผ้าใบใหญ่