บทละครโทรทัศน์ รากนครา ตอน 16 หน้า 4
ในวิหาร สมุนหน่อเมืองกรูกันเข้ามาพร้อมอาวุธดาบ บริวารศุขวงศ์ทิ้งลังอาวุธที่กำลังช่วยกันขนลำเลียง ชักดาบออกมาต่อสู้กับพวกบริวารหน่อเมือง สมุนหน่อเมืองปราดเข้ามาเผชิญหน้าศุขวงศ์
“วางดาบเจ้าลงซะ อย่าคิดเอาชีวิตเจ้ามาทิ้งไว้ที่นี่เลย”
สมุนหน่อเมือง โถมเข้าโจมตีศุขวงศ์ก่อน รอบๆตัวศุขวงศ์ สมุนหน่อเมืองสู้ยิบตากับบริวารศุขวงศ์
ศุขวงศ์ชั้นเชิงเพลงดาบ เหนือชั้นกว่ามาก สมุนหน่อเมืองยิ่งบ้าคลั่งยิ่งเพลี่ยงพล้ำ เสียที ศุขวงศ์ จ่อปลายดาบเข้าใกล้หน้าสมุนหน่อเมือง
บริวารศุขวงศ์ ช่วยกันลำเลียงลังอาวุธ-กระสุน-ดินดำ ออกมานอกวิหาร
“เจ้าน้อย....เราควรจัดการกับไอ้พวกนี้ยังไง”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น อินทร”
“แต่มันจะแว้งกลับมาเป็นภัยกับเรานะเจ้าน้อย”
“เรามานี้ไม่ได้มุ่งหวังจะเอาชีวิตใคร อินทร...คนพวกนี้ก็ทำตามหน้าที่ของตัวเอง...นอกจากพวกเขาจะไม่ใช่ศัตรูของพวกเราแล้ว....คิดดูให้ดีอินทร..พวกเขาก็ญาติพี่น้องของเราทั้งนั้น”
“อินทรเข้าใจแล้ว....เจ้าน้อย” อินทรตามศุขวงศ์ออกมา ส่วนภายในวิหาร ด้านหลังองค์พระ สมุนหน่อเมืองถูกมัดขา มัดปาก รวมกันอยู่
ชายป่า ลังอาวุธลังสุดท้าย ถูกยกมากองรวมกัน
“ทั้งมากมายทั้งแต่ละลังก็หนักขนาดนี้เราจะขนกลับไปได้ยังไงเจ้าน้อย”
“เราจะขนกลับไปให้เป็นภาระหรอกอินทร”
“เราไม่ส่งอาวุธพวกนี้ไปให้สยามหรอกรึเจ้าน้อย”
“ถ้าเราทำอย่างนั้น เชียงเงินต้องลำบากแน่อินทรข้อหาส่องสุมอาวุธเตรียมก่อการกบฏ โทษหนักหนาเราทำอย่างนั้นกับญาติพี่น้องของเราไม่ได้หรอกอินทร ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้าคงมองหน้ากันไม่ได้แน่”
“แล้วเราจะทำยังไงกับอาวุธพวกนี้เล่าเจ้าน้อย”
ชายป่าอีกมุม ห่างออกมา ในความมืดกลางป่า เห็นคบส่องสว่างไหลตามกันมาหลายคบ ศุขวงศ์ ควบม้านำขบวนมา...ศุขวงศ์ชะลอม้าจนหยุด แล้วหันกลับไปมองทางที่จากมา แสงไฟจากการเผากองอาวุธ ลุกโชนสูงขึ้นกลางป่าไกลๆ ไม่นานไฟก็ประทุจนกลายเป็นระเบิด
“เจ้าอุปราชหน่อเมืองคงทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ แทบกระอักเลือดเชียละเจ้าน้อย”
“แต่ถ้าเปิ้นตรองดูให้ดี เปิ้นจะรู้ว่านี่คือการเตือนอย่างหวังดีไม่ใช่แค่ในฐานะญาติพี่น้องแต่เป็นมหามิตร” ศุขวงศ์มองดูกองไฟที่ลุกโชนเหนือแนวไม้ พักหนึง แล้วชักม้า ออกเดินทางต่อ