บทละครโทรทัศน์ ลิขิตริษยา ตอนที่ 2
ก้านอุ้มซ่อนกลิ่นมาวางลงห่างออกมาจากบ้านที่ไฟไหม้ “โอ๊ย...จะเอาไงดีวะเนี่ย แม่ซ่อนกลิ่น” ก้านรีบอังจมูกแล้วถอนใจโล่งอก “ค่อยยังชั่ว...แม่ซ่อนกลิ่น” ก้านทำได้แค่เอามือพัดให้เพราะคิดว่าซ่อนกลิ่นเป็นลม แล้วมองเลิกลั่กไปทั่วจะหาทางช่วยเหลือ ก้านตะโกน “ช่วยด้วย...ช่วยด้วยจ้า” เขาเห็นมีคนมาก็ยิ่งร้อง “ช่วยกันหน่อยเร็วจ้า”
ชาวบ้านช่วยกันคนละไม้ละมือถือถังน้ำวิ่งมาสาด ซ่อนกลิ่นฟื้นขึ้นมองไปเห็นชาวบ้านช่วยกันสาดน้ำ
ก้านดีใจ “แม่ซ่อนกลิ่นฟื้นแล้วเหรอ ไม่ต้องห่วงนะมีชาวบ้านมาช่วยแล้ว” ซ่อนกลิ่นยิ้มรับเจื่อนๆ แต่พอมองไปที่ชาวบ้านที่มาดับไฟก็แอบหงุดหงิด ลุ้นกลัวดับได้หมด ก้านรีบบอก “ฉันจะไปช่วยพวกนั้นนะ”
ซ่อนกลิ่นแกล้งร้องไห้อีก “ขอบคุณจ้ะ ขอบคุณมาก ช่วยฉันด้วยนะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว” ก้านรีบลุกไป ซ่อนกลิ่นมองตามไม่พอใจ “ไอ้พวกบ้า สาระแนกันดีนัก” ซ่อนกลิ่นลุกขึ้นยืนลุ้นกลัวไฟดับได้หมด ในใจร้อนยิ่งกว่าไฟที่เผาบ้านตัวเอง
ซ่อนกลิ่นกับก้านเดินเข้ามาดูซากบ้านที่ถูกไฟไหม้ ซ่อนกลิ่นมองแล้วถอนใจโล่งอกด้วยสายตาพอใจในความเสียหาย
ก้านรู้สึกผิด “ไฟมันไหม้เร็วมาก น้ำก็มีน้อย”
ซ่อนกลิ่นนึกได้ว่าควรเศร้าก็รีบทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ทันที “นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันนักหนา! ฮือๆๆ เงินทองตอนนี้ก็ไม่เหลือ บ้านก็ไม่มี ฉันไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็น”
ก้านมองด้วยความสงสาร ทำอะไรไม่ถูก “แล้วนี่แม่ซ่อนกลิ่นจะทำยังไงต่อ”
เจิม อุ่น และพวง มองซ่อนกลิ่นที่ทั้งตัวมีแค่ห่อผ้าหนึ่งห่ออย่างสงสัย ในห่อผ้ามีเสื้อผ้าแล้วก็กล่องสังกะสีที่ใส่หนังสือกับกำไล ซ่อนกลิ่นแกล้งซึม น้ำตารื้น ยังไม่หายเสียขวัญ
เจิมคว้าแขนก้านกระชากมาถาม “ไอ้ก้าน... นี่มันเกิดอะไรขึ้น เอ็งไปส่งมันที่บ้าน แล้วเอากลับมาทำไม แล้วทำไมมันมอมเป็นหมาอย่างนี้วะ” พอนึกได้ก็ร้อง “หรือว่าเอ็งอดใจไม่ได้ไปทำมิดีมิร้ายกับมัน โอ๊ย...ตายๆๆๆ”
อุ่นและพวงที่เอียงหูฟังชักเริ่มคิดไปทางเดียวกับเจิม ก็รีบเขยิบมารอฟังอยากรู้สุดๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะน้าเจิม ฉันก็พาแม่ซ่อนกลิ่นไปส่งที่บ้านนั่นแหละ แต่ไปถึงสักพักบ้านเขาก็ไฟไหม้”
คราวนี้เจิม อุ่น พวงก็ตกใจอุทานมาพร้อมกันเสียงดัง “ไฟไหม้!!!”
เจิมสงสัย “แล้วมันไหม้ได้ยังไง” เจิมเริ่มมองซ่อนกลิ่นด้วยสายตาคาดคั้น
ซ่อนกลิ่นแม้จะไม่พอใจแต่ก็แกล้งตีหน้าเศร้าได้อย่างแนบเนียน “ฉันจะรีบเข้าไปต้มยาบำรุงให้คุณพิศ ระหว่างที่ติดฟืนต้มน้ำ ฉันก็ไปเอาห่อยาในห้องนอน ไม่คิดเลยว่าทิ้งไว้ชั่วครู่จะเกิดไฟไหม้ พอได้กลิ่นก็รีบวิ่งมาที่ครัว แต่ก็ไม่ทันแล้วจ้ะ ไฟมันลุกลามเร็วมาก” เธอร้องไห้หนักขึ้น “ชั่วพริบตา ฉันก็ไม่เหลืออะไรเลย”