บทละครโทรทัศน์ ศรีอโยธยา ตอนที่ 1 หน้า 2
กรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2303 ประตูชัย หลวงยกกระบัตรเมืองตาก ควบม้าศึกผ่านชุมชนในพระมหานคร ซึ่งเป็นบ้านเรือนของทั้งชาวสยามและชาวจีน ซึ่งประกอบอาชีพค้าขาย บนถนนนั้นมีทั้งเกวียน และรถลาก ผู้คนสัญจรกันอย่างขวักไขว่ เหล่าสตรีกางร่มเดินเฉิดฉายอย่างงามตา
หลวงยกกระบัตรเมืองตาก ควบม้าศึกอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปยังประตูพระบรมมหาราชวัง ยามหน้าประตูเปิดทางให้เข้าสู่พระราชฐานชั้นนอกในทันที เพราะจำม้าศึกและเสื้อบรรดาศักดิ์ได้ หลวงยกกระบัตรเมืองตาก ควบม้าผ่านพระราชฐานชั้นนอกตรงไปหยุดยังทางเข้าพระราชฐานชั้นกลาง ท่านรีบลงจากม้าศึก โดยมีทหารวังมารับม้าศึกแล้วท่านก็รีบเดินไปยังทางเข้าพระราชฐานชั้นกลาง
ทหารวัง : กราบคุณหลวงขอรับ
หลวงยกกระบัตรเมืองตาก : ท่านเจ้าคุณพิชัยชาญฤทธิ์เข้าเฝ้าเบื้องพระยุคลบาทอยู่หรือเปล่า
ทหารวัง : ท่านเจ้าคุณกำลังถวายงานสอนพระราชกุมารอยู่ที่สวนไพชยนต์ขอรับ
หลวงยกกระบัตรเดินตรงไปยังพระที่นั่งสรรเพชญมหาปราสาท แล้วก้มลงกราบ หลังจากนั้น ก็เดินต่อไปยังสวนไพชยนต์เบญจรัตน์ ที่กลางศาลานั้น เจ้าฟ้าสุทัศขัติยราชกุมาร องค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน วัย 13 พรรษา กำลังประทับทอดพระเนตรเพลงยุทธอย่างสนพระทัยบนพระแท่นทอง ข้างพระแท่นนั้นปรากฎเด็กชายวัย 14 แต่งกายแบบบุตรชายขุนนางชั้นสูงนั่งอยู่ข้างพระกาย เขาคือ “พิมาน” หลานชายพระยาพลเทพ เบื้องหน้าศาลานั้น พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ขุนนางนักรบวัย 53 บรมครูแห่งการรบและยุทธวิธีแห่งราชอาณาจักร กำลังบัญชาการการฝึกอาวุธถวายแด่องค์รัชทายาท หลวงยกกระบัตรเมืองตากคุกเข่าลงก้มลงถวายบังคมองค์รัชทายาทแล้วคลานเข้าไปใกล้หมู่ราชองครักษ์ที่หมอบเฝ้าอยู่เบื้องหน้า ทหารมหาดเล็กสองนายฝึกเพลงดาบครบเพลงพอดี แล้วก้มลงถวายบังคมองค์รัชทายาท
เจ้าฟ้าสุทัศ : ท่านอาจารย์...เมื่อไหร่ ฉันจะเก่งเท่าทั้งสองคนนี่ ฉันสงสัยจริง
พระยาพิชัย : ถ้าทรงหมั่นฝึกฝนเป็นประจำ ก็ไม่นานหรอกพระพุทธเจ้าค่ะ
หลวงยกกระบัตรเมืองตาก : ก้มลงถวายบังคมแล้วเงยดวงหน้าขึ้นกราบบังคมทูลด้วยความภักดียิ่ง
หลวงยกกระบัตรเมืองตาก : ถวายบังคม ทูลกระหม่อมแก้วพระพุทธเจ้าค่ะ
พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ หันมองตามเสียงนั้น แววตาฉายแสงแห่งความปิติใจที่ได้พบศิษย์รัก พิมานดีใจไม่แพ้พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ ที่ได้พบหลวงยกกระบัตร ผู้เปรียบเสมือนญาติผู้พี่ เนื่องด้วยในเยาว์วัยนั้น หลวงยกกระบัตรเมืองตาก หรือ คุณสิน เป็นบุตรบุญธรรมของท่านบิดา องค์เจ้าฟ้าสุทัศขัติยราชกุมาร ก็ทรงดีพระทัยไม่น้อยไปกว่าผู้อื่น เพราะได้พบนักรบคนเก่งแห่งแผ่นดิน