บทละครโทรทัศน์ สายธารหัวใจ ตอน 19
บทประพันธ์ วาสนา บทโทรทัศน์ คนเขียนเงา
สวัสดิ์ขับมอเตอร์ไซค์ตามหาละมุลตามถนน เขาร้อนใจกลัวละมุลได้รับอันตราย
บนถนนอีกมุมหนึ่ง ละมุลยืนโบกรถกระบะที่แล่นมาด้วยความเร็ว แต่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ ละมุลกลับเปลี่ยนใจ ทำอะไรบางอย่างที่ขาดสติ เธอเห็นรถแล่นมาด้วยความเร็ว เธอกลับไปยืนกลางถนนตั้งใจให้รถชนรถกระบะแล่นมาด้วยความเร็วกดแตรดังลั่น แต่แล้วละมุลเปลี่ยนใจอีกครั้ง เธอไม่กล้าพอที่จะฆ่าตัวตายจึงขยับไปยืนบนไหล่ทาง สวัสดิ์เห็นแล้วตกใจ
“คุณละมุล!!!”
ละมุลร้องไห้ สวัสดิ์จะเข้าไปหาด้วยความห่วงใย แต่ละมุลวิ่งหนีสวัสดิ์วิ่งตามจนทัน คว้าแขนละมุลเอาไว้ แต่ละมุลสลัดออกแต่สวัสดิ์ไม่ปล่อย ละมุลพยายามดิ้นหนี้ทุบตีสวัสดิ์แต่อีกฝ่ายไม่ปัดป้องพยายามกอดปลอบใจละมุลไว้อย่างอ่อนโอน เธอร้องไห้ภายใต้อกอันอบอุ่นของสวัสดิ์
“ทำไมทำแบบนี้”
ละมุลร้องไห้แทนคำตอบ และยังทุบสวัสดิ์ด้วยความโกรธ ทั้งๆที่ไม่มีแรง แต่สวัสดิ์ยังกอดเธอเอาไว้แน่น
ที่ห้องพักฟื้นแม้นเทพ ณรังค์ดีใจที่แม้นเทพฟื้นแล้ว
“ฝ่าบาท!!!”
สิริกันยาตื่นเต้นไปด้วยที่เห็นแม้นเทพฟื้น เขาพยายามขยับปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เพราะเป็นอัมพาตครึ่งซีกจากเส้นเลือดในสมองแตกด้านซ้ายจึงทำให้พูดไม่ถนัด และฟังออกเพียงบางคำ ณรังค์เอียงหูฟัง
“นัง...คอง...มัน...จะ...ฆ่า...ฉัน”
“อะไรนะกระหม่อม”
แม้นเทพนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ด้วยสายตาหวาดกลัวสุดระแวง
ก่อนหน้านั้นประคองคุยกับหมอเรื่องอาการของแม้นเทพ
“ต้องรอท่านฟื้นขึ้นมาแล้วดูอาการตอนนั้นอีกทีครับ ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่คงไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์”
“อาจจะเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์ได้ใช่มั้ยคะ”
“ครับ หรือไม่ก็อาจจะไม่ฟื้น และอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา...อยากให้ญาติเตรียมใจตรงนี้ด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
แม้นเทพฟื้นมาได้ยืนพอดี แต่หมอและประคองไม่รู้พอหมอกับพยาบาลออกไป ประคองเปลี่ยนสีหน้าราวกับโกรธแค้นแม้นเทพสุดชีวิต
“ทำไมไม่ตายๆไปซะที!!!!”
แม้นเทพได้ยินและรับรู้ความในใจของประคองทุกอย่าง
“คนเห็นแก่ตัว มักมาก อยู่ไปก็มีแต่สร้างความเจ็บปวดให้คนอื่นซ้ำ แล้วซ้ำเล่า เพราะฝ่าบาททำให้หม่อมฉันทุกข์ทรมาน เป็นคนแต่เหมือนไม่ใช่คน เพราะฝ่าบาท ทำให้ละมุลต้องหนีออกจากบ้าน ตอนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้!!...คนอย่างฝ่าบาทจะอยู่ทำไมให้รกโลก!!!”
แม้นเทพแสร้งหลับนิ่งสนิท ประคองอยากฆ่าเสียให้ตายแต่ณรังค์กับสิริกันยาเข้ามาเสียก่อน
แม้นเทพจะพูดบอกณรังค์ สิริกันยามองอย่างตื่นเต้น ตั้งใจฟังไปด้วย
“นัง...คอง... มัน...!”