รีเซต

บทละครโทรทัศน์ คุ้มนางครวญตอน 9

บทละครโทรทัศน์ คุ้มนางครวญตอน 9
3 กุมภาพันธ์ 2557 ( 17:52 )
1.2M
คุ้มนางครวญตอน 9
6 หน้า

คุ้มนางครวญ ตอนที่ 9

บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์

บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน

 

 

ที่ศาลากลางสวนของคุ้มหลวง จัดอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ไว้ราวเป็นห้องอาหารของโรงแรม สายใจ 
เฟื่องฟ้าระริน
มาคอยดูแล มีการตั้งโต๊ะเตี้ยแบบญี่ปุ่นเรียงราย ล้อมด้วยเบาะนั่งหนาให้แขกนั่งกินอาหาร
ขณะนี้เป็นเวลาสาย
โต๊ะทุกตัวว่าง เหลือเพียงโต๊ะเดียว มีแพท มาลาริน บีบี พิมพ์ดาว นั่งกินอาหารอยู่
ใกล้เสร็จ ตรีภพเดินหาวมา

พิมพ์ดาวหันมาพอดี ทำหน้าว่า น่าเกลียด ตรีภพรีบหุบปาก เดินเข้ามา

“ไฮ กู๊ดมอร์นิ่งค่ะ” มาลารินทักทาย

“สวัสดีตอนเช้าครับ”

“เช้าอะไร สี่โมงเช้าอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว” พิมพ์ดาวค่อน

“โบราณว่า นอนกินบ้านกินเมืองนะคะคุณตรี ฮิ ฮิ ฮิ” แพทแซว

“ผมฝันร้ายน่ะฮะ”

สายใจเทกาแฟหก สบตากับเฟื่องฟ้า ระรินขยับมาฟัง

“ตกใจตื่น กว่าจะหลับได้ก็เกือบสว่าง”

แพทมองดูพิมพ์ดาว หน้าเหยลงนิดหน่อย เพราะนึกถึงลมประหลาดที่ทางเดิน 

“ฝันอะไรหรือคะ” มาลารินถาม

“ผมฝันเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบเจ้านาง”

ตรีภพพูดไปแล้วก็รู้สึกว่าไม่น่าเล่า พิมพ์ดาวมอง สายใจ เฟื่องฟ้า ระริน ขยับถอยมองหน้ากัน

“โอว์ แล้วยังไงคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็ฝันเพ้อเจ้อเรื่องนั้นเรื่องนี้ โอ.. ไส้กรอกนี่อร่อยจัง”

ตรีภพกินอาหาร พูดกลบเกลื่อน

“ดีนะคะ ที่แพทไม่ยักฝันอะไรเลย พี่พิมพ์ล่ะคะ”

“พี่เป็นคนไม่ค่อยเพ้อเจ้อน่ะค่ะ ก็เลยไม่ค่อยฝัน”



ตรีภพเกือบสำลักกาแฟ ตาเขียว พิมพ์ดาวยิ้มพริ้มพราย มาลารินคอยเลื่อนซอส พริกไทย ให้ตรีภพ

ตรีภพมองดูรอบๆ เห็นแต่ตาทองกับคนงานในสนาม

“ทำไมเช้านี้ไม่มีใครเลยครับ”

“อ๋อ เจ้าแก้วพาคุณฐากับทีมงานไปดูโลเคชั่นป่าค่ะ ส่วนพวกคนแก่ เอ๊ย นักแสดงอาวุโสไปซิตี้ทัวร์กัน นี่
เดี๋ยวบีบีกับลินซี่จะไปทำบุญขึ้นพระธาตุกัน คุณตรีไปไหมคะ” บีบีชวน

“ไปนะคะ ไปด้วยกัน” มาลารินอ้อน

แพทกับพิมพ์ดาวมองหน้ากันว่า ทีเราไม่ยักชวน

“ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะทบทวนบท พรุ่งนี้ก็จะเปิดกล้องแล้ว”

“วุ้ย แค่บวงสรวงกับเปิดกล้อง เอาฤกษ์เอาชัยพอเป็นพิธี แค่นั้นเอง” บีบีท้วง

“ฮะ ผมรู้ แต่ผมอยากจำบทให้ขึ้นใจก่อนถ่าย”

พิมพ์ดาวมอง ตรีภพแกล้งพูด

“ผมยิ่งหัวช้า ความจำไม่ค่อยดีอยู่ด้วย”

“โอ ลินซี่ก็ยังจำบทไม่ได้ เดี๋ยวอยู่ต่อบทกับคุณตรีดีกว่า”

บีบีตาเขียว ตวาดแว้ด “ไม่ได้ย่ะ!” พอรู้ตัว ก็รีบฉีกยิ้ม 

“ว้าย ไม่ได้ค่ะลูกขา เราต้องไปทำบุญ จะได้ถ่ายรูปลงไอจีให้แฟนๆดู แล้วยังต้องไปดูเด็กกำพร้าอีก”

ทุกคนทำตาปริบๆ ดูกระบวนการสร้างภาพของนางเอก มาลารินหน้างอ แล้วรู้ตัว รีบทำแป๋วใหม่


ทีชานเรือนในคุ้ม พิมพ์ดาวกับตรีภพเดินมาด้วยกัน 

“เจ้านางในฝันของคุณเป็นยังไงน่ะ”

“สวยมาก ตาคม จมูกสวย หน้าเรียว ไม่ค่อยดูเป็นสาวเหนือเท่าไหร่”

พิมพ์ดาวนึกถึงยอดหล้าในความฝันเมื่อเดือนก่อนที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

พิมพ์ดาวถอนใจ

“คุณถามผมทำไม อย่าบอกนะว่าหวงกระทั่งความฝัน”

“เอาเถอะๆ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามใจ”

พิมพ์ดาวขี้เกียจโวยวาย ตรีภพอมยิ้ม

“แล้วคุณล่ะ ฝันอะไรแปลกๆบ้างไหม”

พิมพ์ดาวหยุดเดิน นิ่งงันไป ตรีภพมองอย่างสงสัย “อะไรหรือคุณ”

“เมื่อคืนฉันฝัน ฝันว่าฉันเคยอยู่ที่คุ้มนี้มาก่อน แต่ว่าคุ้มนี่ยังไม่ใหญ่ขนาดนี้”

พิมพ์ดาวเอามือลูบคลำไม้แกะสลัก ตรีภพอึ้งไป

“ไอ้แก้วบอกผมว่า คุ้มนี้สร้างตั้งแต่สมัย ร.2 - ร.3 แล้วก็มีการสร้างต่อเติมมาเรื่อยๆ”

“ในความฝัน เหมือนเขาไม่ได้เรียกคุ้มแต่เรียกว่าหอคำหลวง ทางเดินนี่จะนำไปสู่ด้านหลังเรือนหลวง”

พิมพ์ดาวมีแววจำได้ และอยากพิสูจน์ ชี้ไปยังทางแยกเล็กๆ

“ก็ลองไปดูซีครับ”


ประตูเรือนหลวงท้องพระโรงแง้มเปิดออก ในห้องมืดสลัว พิมพ์ดาวเดินนำตรีภพเข้ามา

“ตรงนี้จะมีฉากกั้น” พิมพ์ดาวบอก

ตรงหน้ามีฉากกั้นไม้สลักสูงใหญ่

“ที่บรรดาผู้หญิงในหอคำ จะมาแอบดูการว่าราชการ”

“ว่าราชการหรือครับ”

“เหมือนท้องพระโรงของพระราชวังไง”

“สวิทช์ไฟอยู่ไหนนะ อ้อ เจอแล้ว”

ตรีภพ พิมพ์ดาว คลำอยู่ในความมืด ตรีภพเปิดสวิทช์ไฟ ไฟในห้องสว่างขึ้นช้าๆ

ตรีภพและพิมพ์ดาวมองไปแล้วตะลึง

แท่นคำวิจิตรอลังการอยู่ตรงหน้า สะท้อนแสงแชนเดอเลียร์เบื้องบนระยิบระยับ ตรีภพอึ้ง เพราะว่าสิ่งที่พิมพ์ดาวพูด
เป็นจริง แต่พิมพ์ดาวอึ้ง เพราะความรู้สึกเก่าๆท่วมท้นขึ้นมา พิมพ์ดาวเห็นภาพเจ้าแสงอินทร์นั่งรับราชทูตบนแท่นคำ

มองลงมาอย่างปราณี พิมพ์ดาวน้ำตาเอ่อ ตื้นตัน


ทั้งคู่กลับออกมาที่ระเบียง พิมพ์ดาวระงับสติอารมณ์และท่าที ตรีภพมองหน้า

“มันอาจเป็นแค่เดจาวูก็ได้”

“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจ ก็ตามใจเถอะฮะ”

พิมพ์ดาวตาเขียว

“แล้วคุณยังฝันอะไรอีก”

“ที่ฉันบอกว่าฉันเคยอยู่ที่นี่ ความจริงไม่ใช่หรอก ที่ฉันอยู่จริงๆเป็นอีกคุ้มนึง เล็กกว่านี้ เก่ากว่านี้”

พิมพ์ดาวพูดเหมือนรำพึง

“คุ้มเล็กหรือฮะ”

“เป็นคุ้มริมแม่น้ำปิง เหมือนกับว่าสมัยที่ใช้แต่ทางน้ำ คุ้มนี้เป็นหอคำหลวง แต่พอเจริญขึ้น มีถนนกลางเวียง ก็มี
การสร้างหอคำหลวงขึ้นใหม่ หอคำแก้วก็ถูกลดชั้น เป็นแค่คุ้มพวกลูกหลวง”

พิมพ์ดาวพูดเป็นตุเป็นตะ


ทั้งคู่เดินไปจนถึงหน้าห้องตรีภพ ตรีภพผายมือเชิญเข้าห้อง พิมพ์ดาวตาเขียว

“จะให้ฉันเข้าห้องคุณทำไม”

“น่า ผมไม่ปล้ำคุณหรอกน่า โธ่ ยุคนี้แล้ว ไม่มีใครเค้าถือหรอก”

“ฉันไม่ถือหรอกย่ะ! แต่ฉันกลัวปากคน”

“ไม่มีใครเห็นหรอก”

พิมพ์ดาวเชิด เดินเข้าไป ตรีภพเดินตาม ปิดประตู ที่มุมทางเดิน แพท มีมี่ มูมู่ โผล่หน้ามา หูตาวาว


ในห้อง ตรีภพเดินนำพิมพ์ดาวไปยังระเบียง “อ้าว คุณมานี่ซี”

“จะให้ฉันดูอะไร”

“นู่น.. แนวแม่น้ำปิง.. คุณลองดูซี”

พิมพ์ดาวมองไปตามทิศที่ตรีภพชี้  เห็นแต่แนวต้นไม้เขียวครึ้ม บางส่วนก็มืดดำแน่นขนัด

“ให้ฉันดูอะไร”

“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

พิมพ์ดาวเขม้นมองแล้วชะงัก เมื่อเห็นยอดหอสังเกตการณ์ และหลังคาคุ้มร้างโผล่จากยอดแนวไม้

“คุ้มน้อย! มีคุ้มน้อยอยู่ริมน้ำปิงจริงๆ”

พิมพ์ดาวทั้งตื่นเต้น แปลกใจ ทั้งกลัววูบขึ้น 

 


6 หน้า