บทละครโทรทัศน์ คุ้มนางครวญ ตอนที่ 14 หน้า 2
ยอดหล้าก้าวออมาจากพุ่มไม้ เข้านั่งราบกราบครูบาสรี ดารารายนั่งเยื้องไปข้างหลัง ครูบาสรีลืมตาขึ้น
“เจ้าเองรึ ยอดหล้า”
“เจ้า”
“เจ้าจะมาฝึกสมาธิเหมือนกับน้องเจ้าหรือ”
ยอดหล้าอึกอัก “ข้ามีธุระอื่นที่ต้องทำน่ะเจ้า ครูบาท่าน”
“รู้หรือไม่ว่าเจ้ามีพลังสมาธิสูงส่งยิ่ง”
“อย่างไรหรือเจ้า ท่านตา” ดารารายถาม
“เจ้าจงดูพี่สาวเจ้ายามเล่นดนตรี นางมีสมาธิแน่วแน่เหนือผู้คนทั่วไป”
“จริงเจ้า เจ้าพี่นั่งเล่นซึงอยู่ท่าเดียวตั้งแต่ยามต้นจนดึกดื่น เป็นข้าคงตายไปแล้วเจ้า”
ครูบาสรีมองยอดหล้า แล้วกลับขมวดคิ้ว ราวเห็นนิมิตบางอย่าง
“เจ้ามิควรฝักใฝ่อยู่เพียงดนตรี แต่ควรศึกษาธรรมะบ้าง ธรรมะจักกล่อมเกลาจิตใจเจ้า มิให้คิดผิด หลงผิด เดินทางผิดได้”
ยอดหล้ามองครูบาสรีอย่างไม่เข้าใจ ฝืนยิ้มข่มความไม่พอใจไว้
“เจ้า ครูบาเจ้า”
“ท่านตาพูดอันใดเจ้า เจ้าพี่จิตใจงดงามดั่งนางฟ้า จะหลงผิดอันใดกันเจ้า”
ครูบาสรีนิ่ง แล้วพยักหน้าช้าๆ
“ข้ามีกิจต้องทำ วันนี้พอเท่านี้เถิด.. เจ้าสองคนไปได้แล้ว”
ป่าเชียวชอุ่ม ลำธารคดเคี้ยว น้ำไหลแรง โขดหินริมธารใหญ่สลับซับซ้อน ที่ทางเดินแคบ ดารารายยังคงแต่งกายเช่นบุรุษ จูงม้าเทศวายุตัวใหญ่มหึมา ยอดหล้านุ่งซิ่นนั่งไขว้บนหลังวายุ วายุมีท่าทางไม่คุ้น หงุดหงิด ดารารายต้องลูบคอลูบไหล่มันให้สงบ ห่างออกไป นางทิพย์ นางทิม นางผัน นางเผื่อน กางจ้องเดินตาม
“ม้าของเจ้า ดูร้าย พยศเหลือเกิน”
“วายุ ยังไม่คุ้นเจ้าพี่น่ะซีเจ้า หรือไม่ก็มันไม่คุ้น ที่มีคนนั่งไพล่บนหลังมันเช่นนี้”
ดารารายขยับหน้าไม้ไปข้างหลัง วายุพยศเล็กน้อย ยอดหล้าตกใจโน้มตัวลง
“ดูซิ เกือบทำข้าตกแน่ะ”
“วายุ หากเจ้าแกล้งเจ้าพี่ ข้าจะตีเจ้า เจ้าพี่ลองนั่งคร่อมไหมเจ้า เผื่อจะดีขึ้น”
“ข้านุ่งซิ่นเช่นนี้ จะนั่งคร่อมได้อย่างไร”
ยอดหล้าโน้มตัวลง ลูบคอม้า พูดอ่อนหวานแผ่เมตตา
“วายุ เจ้าตัวเก่ง เจ้าตัวดี.. อย่าหงุดหงิด อย่าขึ้งอย่าเคียดข้าเลย”
ม้าวายุร้องฮี้ แล้วเดินต่อไปอย่างเรียบร้อย ยอดหล้ายิ้มออก ลูบคอมัน ดารารายจับหน้ามัน มันสะบัดหน้าชนมือดาราราย ยอดหล้ายิ้ม ดารารายท้าวสะเอว
“ดูมัน เจ้าม้าเจ้าชู้ ดูซิ มันนอกใจข้าแล้ว”
“ก็เจ้าดุร้าย ยิงนกตกปลาเช่นนี้ วายุย่อมสัมผัสได้”
“ฮึ ข้ายิง ข้าตก ก็เอามากิน มิได้ยิงเล่นทิ้งขว้างเสียหน่อยเจ้า”
“เจ้าเป็นราชธิดาเวียงแก้ว ของกินมีเหลือล้น อย่ามาอ้างเลย”