บทละครโทรทัศน์ สุดแค้นแสนรัก ตอนที่ 8 หน้า 10

“พี่อัมพร....ฝากบอกอุไรด้วยว่า ผมขอโทษ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย.....ส่วนเรื่องลูกพี่ ผมไม่ได้ไปส่งป้าแย้มจนถึงที่หรอก ป้าแย้มแกอุ้มหลานนั่งสามล้อไปต่อเอง แต่ผมได้ยินว่า บ้านป้าย้อยเป็นโรงงานน้ำปลา ผมช่วยพี่ได้เท่านี้เอง”
อุไรอ่านจดหมายจนจบ น้ำตานองหน้า
“ช่างหัวมันเถอะนะ อุไร คิดซะว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกัน”
อุไรป้ายน้ำตาทิ้ง “เรื่องแค่นี้ ไม่ถึงตายหรอก....ใช่ไหม พี่อัมพร”
“ใช่ สุขทุกข์มันอยู่ที่ตัวเราเอง”
“กับอีแค่ผู้ชายห่วยๆ ใจคอโลเลคนนึง....จะต้องไปเสียดายมันทำไม ฉันจะต้องเข้มแข็ง จะต้องอยู่ให้ได้....ให้มันรู้กันไป” อุไรกัดฟัน แต่ก็ห้ามไม่ให้น้ำตาร่วงออกมาไม่ได้
อัมพรเอื้อมมือมาบีบมืออุไรไว้ ให้กำลังใจกันและกัน
เพื่อนบ้านช่วยกันรุมแต่งตัวให้พะยอม ด้วยชุดไทยเจ้าสาวที่เช่ามาจากในเมือง.......เสียงเพลงไทยเดิมจากลำโพงดังกระหึ่ม แย้มเดินเข้ามาในห้อง ทองเต็มตัวทั้งคอและแขน “ไหนๆ ลูกกู เป็นยังไงบ้าง” พะยอมก้มหน้า ยิ้มไม่ออก ”สวยโว้ย ลูกกู.....ผัดแป้งอีกหน่อย หน้าตาจะได้ขาวๆ เฮ้ย...เอาไอ้สร้อยทองปลอมนั่นออกลูกสาวกูต้องใส่ของจริง...ทองจริงโว้ย เพราะมันเป็นเจ้าสาวตัวจริงพ่อลือพงษ์เขา” แย้มถอดสร้อย แหวน กำไล ออกจากตัวเอง ใส่ให้พะยอม "วันนี้แม่ทำให้เอ็งสมหวัง ได้ผัวที่เอ็งอยากได้แล้ว....ยิ้มหน่อยสิวะ ยิ้มอย่างผู้ชนะให้มันกระอักเลือดตายไปเลย....ยิ้ม”
พะยอม ฝืนยิ้มตามคำสั่งแม่
ชาวบ้านมุมกันแน่นหน้าบ้านแย้ม เพราะขบวนเจ้าบ่าวมาถึง
เสียงโฆษกประกาศ “บัดนี้...ขบวนเจ้าบ่าวสุดหล่อก็ได้มาถึงแล้ว คุณแม่นกเล็ก คุณพ่อตาพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมารับขวัญ ลูกสะใภ้คนสวย วันชื่นคืนสุข....แหม เจ้าบ่าวยิ้มไม่หุบเลย”
นกเล็ก โกตา เดินประกบลือพงษ์ ที่ทำหน้าขรึม บอกบุญไม่รับ
“ชาวหนองนมวัว ใครได้ยินเสียงนี้ แม่แย้มเจ้าภาพ ก็ขอเชิญมาร่วมกันเป็นสักขีพยานกับคู่บ่าวสาวด้วยนะจ๊ะ เอ้า..ประตูเงิน ประตูทอง ว่ายังไงกันจ๊ะ”
ชาวบ้านกั้นประตูเงินประตูทองกันอย่างครื้นเครง ประยูรยืนมองความเป็นไปอย่างไม่ได้มีอารมณ์ร่วม
ลือพงษ์ไม่สบตาใครทั้งสิ้น.... เหมือนมาแต่ตัวไม่มีจิตวิญญาณ
อัมพรตั้งสำรับมุมหนึ่ง อ่ำไล่ปิดหน้าต่าง เพื่อลดความดังของเสียงจากลำโพง ที่เปิดชนิดไม่เกรงใจใคร
อุไรเดินออกมา “ไม่ต้องปิดมันหรอกแม่ ช่างหัวมันเถอะเสียงหมาเห่าเรายังทนฟังได้เลย กะอีแค่นี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก กินข้าวกันเหอะ”