บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 3 หน้า 10
สามสาวผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าแดงเป็นปื้น หลังจากที่ตบกับลำเจียก
ประกิตอ่อนใจ “อยู่ดีไม่ว่าดี ไปหาเรื่องตบตีกับชาวบ้าน”
วันชนะเหน็บ“ดูสารรูปพวกเธอตอนนี้ซิ ดูได้ที่ไหน มอมแมมอย่างกับชะนีหลงป่า”
เจิดนภาหงุดหงิด “ไม่ช่วยก็อย่าซ้ำเติมกันได้มั้ย คนยิ่งกำลังเดือดๆ อยู่”
“พระท่านว่าไว้ โกธัง ฆะตะวา สุขัง เสติ ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข”
เจิดนภาหันไปด่าเชษฐ์ “ถ้าแกยังไม่ยอมหยุดเทศน์ ฉันจะฆ่าแกเป็นศพแรก”
รัตนาวดีทำท่าเหมือนจะร้องไห้เป็นเด็กๆ “เมื่อไหร่จะกลับกรุงเทพกันซะที ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันยอมสอบตก !”
สมมาตรรีบปิดปากรัตนาวดี ก่อนที่จะแผดเสียงออกมา “ชู่ววว์....เบาๆสิ เดี๋ยวอาจารย์ทัศนัยก็ได้ยินก็ตกกันหมดนี่หรอก”
พิมพ์พรนึกขึ้นมาได้ “นี่พลยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
วันชนะยักไหล่ ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าทศพลไปไหน
คำแก้วเดินออกมาส่งทศพลที่หน้าบ้าน “ปราสาทหินท้ายหมู่บ้านมีอะไร พวกคุณถึงได้สนใจกันนัก”
“ผมเป็นนักศึกษาโบราณคดี ก็เลยสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในอดีตว่าพวกเขาดำเนินชีวิต มีความคิด ความเชื่อกันอย่างไร”
“คนในยุคนั้นคงตายแล้วเกิดใหม่ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ไม่มีใครบอกกับคุณได้”
“เราถึงต้องศึกษาจากร่องรอยหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ เช่น โบราณสถาน และศิลปวัตถุที่ยังหลงเหลืออยู่”
“พวกคุณก็เลยมาที่ดอนไม้ป่าเพื่อจะได้รู้ “อดีต” ของที่นี่งั้นสิ”
“ก็ประมาณนั้น ยิ่งได้หลักฐานมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใจอดีตมากเท่านั้น”
“ฉันขอให้คุณได้รู้เรื่องราวในอดีตอย่างที่คุณตั้งใจไว้ก็แล้วกัน” คำแก้วพูดจบก็กลับเข้าบ้านไป
ทศพลหยิบดอกมะลิวัลย์จากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดม แล้วมองตามหลังคำแก้ว ยิ้มๆ
ที่เชิงบันได ทางขึ้นปราสาทหิน อาจารย์ทัศนัยเห็นนักศึกษาในสภาพยับเยิน “พวกเธอไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาถึงได้ยับเยินอย่างนี้”
พิมพ์พร / เจิดนภาต่างพากันอึกๆ อักๆ “คือ...เอ่อ....อ่า....”
วันชนะโพล่งขึ้นมา “ตบกับพวกชาวบ้านเค้ามาครับ”
อาจารย์ทัศนัยขมวดคิ้ว ส่งสายตาแทนคำถาม.... ทำไม ?
“แย่งผู้ชายอีกตามเคย” ประกิตเฉลย
“เพราะพวกเธอ ฉันเลยอดกินไปด้วย” สมมาตรบ่น