บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 24 (จบบริบูรณ์) หน้า 12

ท้องฟ้าเหนือเมืองมรุกขนครมืดพยับ ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นสายน่ากลัว สายฝนกระหน่ำหนักขึ้นจนมองอะไรแทบไม่เห็น น้ำเริ่มหลากล้นท่วมเมือง ชาวเมืองต่างอพยพขึ้นที่ดอนไปเรื่อยๆ หน้าหอคำหลวง นางกำนัลหวีดร้องตื่นตระหนกด้วยความกลัวตาย นางกำนัลคำปองร้อนใจนัก น้ำเริ่มทะลักเข้ามายังเรือนข้าหลวงแล้ว
เคนหน้าตาตื่นเข้ามา “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว มรุกขนครกำลังจะกลายเป็นทะเลบ้า ชาวเมืองจมหายไปในสายน้ำ อีกไม่นานคงท่วมถึงหอคำหลวง”
“เพราะปลาไหลเผือกตัวนั้นแน่แท้ บ้านเมืองจึงได้เกิดอาเพศ !” นางกำนัลคำปองนึกรู้
“หากฝนยังไม่หยุดเยี่ยงนี้ เมืองทั้งเมืองคงกลายเป็นทะเลสาบ มรุกขนครคงถึงคราวล่มสลายลงครานี้ พวกชาวบ้านลือกันว่าเห็นพญานาคพ่นน้ำถล่มเมือง” เคนมองซ้ายขวาลุกลี้ลุกลน
“พราหมณ์เจ้าอินทร์กำลังทำพิธีอ่านมนต์สะกดนาคอยู่ในหอคำหลวง แต่ยิ่งอ่านมนต์ ฝนก็ยิ่งตกหนัก พญานาคคงพิโรธที่พวกชาวเมืองกินเนื้อปลาไหลเผือก ดีนะ ที่น้องไม่ได้กิน พี่ก็ไม่ได้กินใช่หรือไม่?”
เคนอึกอัก ไม่กล้าสบตาคำปอง รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ไม่มีเวลาแล้ว น้องรีบหนีไปกับพี่เถอะ”
“หนี ? หนีไปไหน ?”
“ภูเขาหลวง เราต้องรีบไป ก่อนที่น้ำจักทะลักเข้ามาท่วมมากกว่านี้”
เคนจูงมือคำปองหนีออกไปทางด้านหลังประตูเมือง
เคนพานางกำนัลคำปองขึ้นม้า กระตุกบังเหียนแล้วรีบฝ่าสายฝนลุยไปยังภูเขาหลวงทันที เสียงสะเทือนกัมปนาทดังไล่หลัง ตามด้วยเสียงหวีดร้องของผู้คนดังระงม สายตาคำปอง หันกลับไปมองเห็นแผ่นดินถล่มตัวลงบ้านเมืองจ่อมจมหายไปในสายน้ำในพริบตา คำปองตาเบิกโพลงช็อคกับภาพตรงหน้า น่าสยดสยอง อยากจะร้องแต่ร้องไม่ออก แผ่นดินยุบถล่มไล่ตามหลังม้าของเคนไปเรื่อยๆ ตามมาติดๆ
เคนควบม้าหนีสุดชีวิต “ใกล้ถึงแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น”
“เหตุใดแผ่นดินถึงได้ถล่มไล่หลังเราไม่ลดละเยี่ยงนี้” คำปองแปลกใจที่เหมือนแผ่นดินถล่มไล่หลังเหมือนจะตามไล่ล่าอยู่ ม้าควบมาจนกระทั่งถึงตีนเขา ฝนยังคงเทลงมาไม่หยุด “พี่ ! พี่ยังไม่ได้ตอบน้อง พี่กินเนื้อปลาไหลเผือกหรือไม่” เคนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เหงื่อแตกพลั่กๆ ก่อนพยักหน้า ทันใดนั้นแผ่นดินที่เคนยืนอยู่ก็ทรุดหายไปต่อหน้าต่อตาคำปอง “พี่ !!!!!!”
ร่างของเคนลอยละลิ่วลงเบื้องล่างทันที แผ่นดินถล่มฝังมิด มีเพียงคำปองคนเดียวเท่านั้นที่รอด
หอคำหลวง มรุกขนคร ภาพที่ท้องฟ้าเหนือเมืองมรุกขนครที่มีแต่ความมืดมิดและพายุฝนที่โหมฮือ กระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงเห็นแสงไฟจากอัจกลับลอดมาทางหน้าต่างหอคำหลวง ผสานเสียงสวดมนต์อาลัมพายน์
เจ้าอินทร์ (เมืองอินทร์) และพราหมณ์เฒ่าอีก 7 คนนั่งล้อมพระเจ้านิรุทธราช (บุญส่ง) ทั้ง 8 สวดมนต์อาลัมพายน์ เบื้องหน้ามีแผ่นศิลาจารึกอักษรปัลวะตั้งตระหง่านอยู่ หลังจากพระองค์ได้เสวยปลาไหลเผือกไปเมื่อตอนกลางวัน